โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• จอร์จ อัสมุสเซน สมาชิกสภาบริหารของธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า กรีซควรให้ความสำคัญต่อการดำเนินการปฏิรูปตลาดแรงงานและแผนการแปรรูปกิจการต่างๆ เป็นอันดับแรก ถ้ายังต้องการจะอยู่ในยูโรโซนต่อไม่ควรเสียเวลาหาทางเจรจาขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศมากเกินไป เพราะเป้าหมายพื้นฐานในข้อตกลงเงินกู้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ซึ่งเป็นการสกัดความหวังของกรีซที่ต้องการให้ผ่อนคลายเงื่อนไขข้อตกลงช่วยเหลือวงเงินกว่า 1 แสนล้านยูโร ในสัปดาห์นี้
• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคก่อสร้างของอังกฤษลดลงมาอยู่ที่ 48.2 จุดในเดือน มิ.ย. เทียบกับ 54.4 จุด ในเดือน พ.ค. แสดงว่ากิจกรรมในภาคก่อสร้างของอังกฤษหดตัวลงรุนแรงที่สุดเมื่อเทียบเป็นรายเดือนนับแต่ ก.พ. 2552 ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) ในสัปดาห์นี้
• หอการค้าอังกฤษ (BCC) เปิดเผยผลสำรวจว่า เศรษฐกิจของอังกฤษยังคงอ่อนแออย่างมากในช่วงไตรมาส 2 นี้จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ซบเซาต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่จีดีพีของอังกฤษหดตัวลง 0.3%
อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จนถึงปีหน้าเนื่องจากตลาดส่งออกนอกยุโรปน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่จะลดลง
• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสเปนลดลงเกือบ 99,000 รายมาอยู่ที่ 4.6 ล้านรายในเดือน มิ.ย. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งทางกระทรวงแรงงานระบุว่าบรรดานายจ้างเริ่มจ้างงานเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมรับฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน
• กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ลงเหลือ 2% จากที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.5% ในการประเมินก่อนหน้านี้ เนื่องจากการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด และผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยุโรป อีกทั้งแผนด้านการคลังภายในประเทศยังมีความไม่แน่นอน
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัวเพียง 1.9% ในไตรมาสแรก
• กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือน พ.ค. ฟื้นตัวขึ้นจากที่ปรับตัวลง 0.7% ในเดือน เม.ย. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นทั่วทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งดีกว่าตลาดที่คาดว่ายอดสั่งซื้อจะขยับขึ้นเพียง 0.1-0.2%
อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงอยู่ หลังจากดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯ (ISM Manufacturing) ลดลงเกินคาดในเดือน มิ.ย. และเข้าสู่ภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี
• รัฐสภาอิหร่านเตรียมออกกฎหมายเพื่อให้อำนาจรัฐบาลในการปิดช่องแคบฮอร์มุซในอ่าวเปอร์เซียเพื่อตอบโต้ที่สหภาพยุโรปคว่ำบาตรการส่งน้ำมันของอิหร่าน ด้วยการสั่งห้ามเรือบรรทุกน้ำมันที่ขนส่งน้ำมันดิบไปยังประเทศที่คว่ำบาตรอิหร่านไม่ให้แล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซ
ล่าสุด กฎหมายดังกล่าวมีสมาชิกรัฐสภาลงนามสนับสนุนไปแล้ว 100 คนจากทั้งหมด 290 คน
• สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.5% มาอยู่ที่ 56.7 จุด เป็นการฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงติดต่อกัน 2 เดือนก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่าภาคบริการของจีนยังคงขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
• ธปท.ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ลงมาที่ 3.3% จากเดิมที่คาดว่าจะเป็น 3.5% หลังจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามเศรษฐกิจโลก ทำให้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีน้อยกว่าความเสี่ยงด้านการขยายตัวเศรษฐกิจ จึงเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 3% มีความเหมาะสมแล้ว นอกจากนี้ยังได้ประเมินว่า แนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายสุทธิของประเทศไทยในปีนี้จะยังคงไหลเข้าสุทธิ แต่จะมีความผันผวนสูงขึ้น
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/55 จะกลับสู่แนวโน้มเติบโตอย่างปกติได้ โดยคาดว่าจะเติบโตได้ในกรอบ 3.1-4.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตเพียง 0.3% ในไตรมาส 1 ด้วยปัจจัยขับเคลื่อนจากแรงหนุนภายในประเทศ โดยเฉพาะภาคการผลิต และการบริโภคภาคเอกชน
• ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทยคาดว่า การส่งออกของไทยในปีนี้จะต่ำกว่าเป้าขยายตัว 15% ของรัฐบาล เนื่องจากวิกฤตหนี้ยุโรปและแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ ถึงแม้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมมีแนวโน้มกลับเป็นปกติได้ทั้งหมดในไตรมาส 3 ซึ่งน่าจะทำให้ยอดส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตได้ที่ระดับ 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ก็ยังไม่อยู่ในระดับสูงเพียงพอ ส่งผลให้ตลอดทั้งปีนี้การส่งออกจะเติบโตได้เพียง 7% เท่านั้น
• การคลังภาครัฐบาลขาดดุล 2.5 แสนล้านบาทในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2555 ทำให้ในครึ่งปีแรกของปีงบประมาณมีการขาดดุลทั้งสิ้น 4 แสนล้านบาท คิดเป็น 3.5% ของ GDP สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดดุล 3.2 แสนล้านบาท เนื่องจากการใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจหลังภาวะน้ำท่วม
Equity Market
• SET Index ปิดที่ 1,198.07 จุด เพิ่มขึ้น 9.33 จุด หรือ 0.78% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26,304 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,713 ล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิเกิน 1 พันล้านบาทในแต่ละวันต่อเนื่องเป็นวันที่ 4
ทั้งนี้ การปรับขึ้นของหุ้นไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยหุ้นที่นำการปรับขึ้นของดัชนี ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสารและธนาคาร ในขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานยังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แม้ว่าราคาน้ำมันจะฟื้นตัวขึ้นมาพอสมควร
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย โดยเคลื่อนไหวในช่วง -0.01% ถึง 0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 7 ปี และ 20 ปี มูลค่ารวม 18,000 ล้านบาท
Guru Corner
• Jim O'Neil (Chairman ของ Goldman Sachs Asset Management) ระบุว่า เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจที่ทุกคนควรดำเนินรอยตามในทุกด้าน และได้อันดับ 4 ของประเทศที่มีสภาพแวดล้อมในการเติบโตที่ดีจาก 183 ประเทศ
แต่มีข้อยกเว้นข้อเดียวที่อย่าทำตาม นั่นคือ การฆ่าตัวตายที่มีอัตราสูง
• Richard Koo (Nomura) เล่าถึงการสนทนากับนักการเมืองชาวเยอรมันซึ่งได้ให้ความเห็นมาว่า “ไม่ว่าในระยะสั้นๆ จะเป็นอย่างไร ในที่สุดแล้วกรีซก็ต้องออกไปจากยูโรโซน เริ่มต้นใหม่ด้วยการลดค่าเงินของตนเองเพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันกับผู้อื่น และเพื่อให้เศรษฐกิจของตนไปได้”