xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News by บลจ.บัวหลวง วันที่ 6 มิถุนายน 2555

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง

เศรษฐกิจโลก

• ฝรั่งเศสและคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ส่งสัญญาณสนับสนุนแผนการใช้กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ช่วยเหลือธนาคารพาณิชย์ที่อ่อนแอ โดยเห็นว่าการใช้ ESM เพิ่มทุนให้แก่ธนาคารพาณิชย์โดยตรงเป็นการแก้ปัญหาขั้นพื้นฐานที่ต้องได้รับการพิจารณา ขณะที่เยอรมนี ซึ่งจ่ายเงินมากที่สุดให้ ESM กลับคัดค้านการนำเงินของยุโรปไปช่วยเหลือประเทศใดๆ โดยไม่ได้กำหนดให้ประเทศนั้นๆ รัดเข็มขัดตามเงื่อนไข

• กลุ่ม G20 ชี้ว่า เยอรมนีอาจเผชิญแรงกดดันให้เพิ่มการใช้จ่าย รวมถึงแคนาดาที่เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มี “ศักยภาพทางการคลัง” ที่จะเพิ่มงบรายจ่ายได้ ทั้งนี้ G20 มีแนวโน้มจะส่งเสริมให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งใช้มาตรการกระตุ้นอีกครั้ง เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

• คริสติน ลาการ์ด ระบุว่า IMF ไม่ได้หารือกับสเปนเรื่องให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ทั้งนี้ กรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ต่างได้รับความช่วยเหลือระหว่างประเทศไปแล้ว ตลาดเงินจึงวิตกต่อความเสี่ยงที่สเปนต้องขอความช่วยเหลือในแบบเดียวกัน

นอกจากนี้ ตลาดยังคาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยลงและกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการเงินอื่นอีก เช่น ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาว (LTRO) เพื่อป้องกันสินเชื่อตึงตัวและเพิ่มความเชื่อมั่นให้ตลาด

• ผลสำรวจทางธุรกิจของรอยเตอร์บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนกำลังชะลอตัวลง และเยอรมนีก็ได้รับผลกระทบที่มีสาเหตุมาจากกรีซและสเปนเช่นกัน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ชี้ว่า ยูโรโซนหดตัวลงในอัตรารุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่ยอดสั่งซื้อของภาคเอกชนดิ่งลง

• ธนาคารกลางออสเตรเลียลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 3.50% ตามคาด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่มากขึ้นทั่วโลก

• สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯเดือนพฤษภาคมขยับขึ้นเล็กน้อยสู่ 53.7 จาก 53.5 ในเดือนเมษายน โดยระดับที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการมีการขยายตัว

เศรษฐกิจเอเชีย

• ผลสำรวจ PMI ของจีนชี้ว่า ภาคบริการมีการขยายตัวแข็งแกร่งสูงสุดในรอบ 19 เดือน โดยแตะระดับ 54.7 ในเดือนพฤษภาคม และการขยายตัวของธุรกิจใหม่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีพุ่งขึ้น ซึ่งลดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวรุนแรงลง

• ธนาคารกลางจีนเตรียมรับมือกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการที่กรีซออกจากยูโรโซน โดยอาจต้องทำให้ค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพ เพิ่มการตรวจสอบปริมาณกระแสเงินทุนระหว่างประเทศ และใช้นโยบายเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจจีน

• คณะกรรมการกำกับกฎระเบียบธนาคารจีน (CBRC) เตือนธนาคารพาณิชย์เรื่องการปล่อยสินเชื่อมากเกินไปให้บริษัทเทรดดิ้งเหล็กกล้าบางแห่ง เนื่องจากความต้องการเหล็กกล้ามีไม่มาก บริษัทจึงนำเงินกู้ไปใช้เก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์และหุ้นแทน

• อินโดนีเซียวางแผนควบคุมการส่งออกถ่านหินเพื่อรองรับการใช้งานภายในประเทศ โดยตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคมเป็นต้นไปบริษัทเหมืองจะต้องระงับการส่งออกแร่บางประเภทที่ยังไม่ได้แปรรูป จนกว่าบริษัทแห่งนั้นจะเสนอแผนก่อสร้างโรงถลุงแร่

นอกจากนี้ บริษัทต่างชาติจะต้องขายหุ้นบางส่วนในเหมืองอินโดนีเซียออกมา เพื่อให้ชาวอินโดนีเซียสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ในเหมืองได้ไม่ต่ำกว่า 51% ภายในปีที่ 10 ที่เหมืองแห่งนั้นเปิดดำเนินการ

• ดัชนีความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไทยย่ำแย่ที่สุดในรอบ 11 เดือน และดัชนีวัดความสุขในการดำรงชีวิตลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 54 โดยเรื่องของเศรษฐกิจโลก และค่าครองชีพมีน้ำหนักค่อนข้างน้อย

• ผลการประชุม ครม.ได้ข้อสรุปนโยบายต่างๆ ดังนี้

- อนุมัติงบประมาณ 3.2 พันล้านบาท เพื่อสร้างคันกั้นน้ำถาวรรอบนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง

- ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้กองทุนส่งเสริมโรงเรียนเอกชนในระบบ

- เห็นชอบมาตรการภาษีสนับสนุนอุตสาหกรรมการค้า การบริการ และการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้าร่วมงานออกร้าน นิทรรศการ งานแสดงสินค้า

- อนุมัติเงินกู้ชดเชยการขาดสภาพคล่องให้การรถไฟแห่งประเทศไทย 6.9 พันล้านบาท และให้เงินกู้ ขสมก. 5.8 พันล้านบาท เพื่อชดเชยรายได้จากการดำเนินการมาตรการของรัฐ

ทั้งนี้ ครม.ยังไม่มีนโยบายยืดมาตรการรถคันแรกออกไปอีก 3 เดือน หลังจากจะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2555 เนื่องจากยังมีเวลาในการส่งมอบรถในปีนี้อีกมาก จึงขอรอดูสถานการณ์ก่อน

Equity Market

• SET Index ปิดที่ 1,099.15 จุด ลดลง 16.04 จุด หรือ -1.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22,541 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,323 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีปรับตัวลดลงเนื่องจากมีความกังวลต่อปัจจัยภายนอกประเทศ และนักลงทุนยังรอผลการประชุมฉุกเฉินของ รมว.คลังกลุ่ม G7 ทำให้ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ขณะเดียวกันยังมีปัญหาการเมืองในประเทศที่เป็นปัจจัยลบเข้ามาเพิ่มเติม

• คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนจะเสนอให้ยกเว้นภาษีเงินปันผลในตลาดหลักทรัพย์ในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อรองรับการแข่งขันเปิดเสรีอาเซียน (AEC) จากปัจจุบันที่เก็บในอัตรา 10%

ทั้งนี้ ประเทศในกลุ่มอาเซียน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง ไม่มีการเรียกเก็บภาษีเงินปันผล

• รอยเตอร์รายงานว่า ในรอบ 5 เดือนนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิเกือบทุกตลาดในตลาดหุ้นเอเชีย 7 แห่ง โดยขายสุทธิสูงสุดในตลาดหุ้นไต้หวันคิดเป็นมูลค่า 458 ล้านดอลลาร์ หรือราว 14,399 ล้านบาท และซื้อสุทธิมากสุดในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์คิดเป็นมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ หรือราว 471 ล้านบาท

Fixed Income Market

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับลดลงในช่วง -0.07% ถึง 0.00% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 11 ปี มูลค่า 15,000 ล้านบาท

• กิตติรัตน์ ณ ระนอง ระบุว่า ในอนาคตไทยจะเปิดให้มีการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าเงินตราต่างประเทศในสกุลอื่นๆ เพิ่มเติมอีก หลังเปิดซื้อขายสัญญาซื้อขายดอลลาร์ล่วงหน้า (USD Futures) เมื่อวานเป็นวันแรก โดยจะเลือกจากสกุลเงินที่ผู้ส่งออกและนำเข้าของไทยมีการใช้เป็นจำนวนมาก เช่น เยน หรือยูโร และอาจรวมถึงการเปิดซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สเงินหยวน
กำลังโหลดความคิดเห็น