กบข.แจงสมาชิกใจเย็นรอกรมบัญชีกลางปรับสูตรบำนาญ ชี้ต้องยุติธรรมต่อสมาชิกทั้งเก่าและใหม่ ขณะเดียวกันระบุผลตอบแทนทั้งปีชนะเงินเฟ้อแน่ หลังไตรมาสแรกหุ้นไทย-เทศฟันกำไรไปแล้ว 17-18% แต่แนะจับตาไตรมาส 2 อาจเจอความผันผวนและการเทขายทำกำไรกดดัน
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กรณีที่สมาชิกมีการเรียกร้องให้มีการแก้ไขสูตร พ.ร.บ.กบข.มาตรา 63 เรื่องการคิดคำนวณสูตรบำนาญ โดยให้คิดจากอัตราเงินเดือนเฉลี่ย 24 เดือนสุดท้าย คูณด้วยเวลาราชการ หารด้วย 50 ซึ่งไม่ควรต่ำกว่า 85% ของเงินเดือนเฉลี่ย 24 เดือนสุดท้ายนั้น เรื่องนี้กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างศึกษาหาแนวทางให้เกิดความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำของผลประโยชน์ที่จะได้รับระหว่างสมาชิกเก่ากับใหม่ ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณที่จะต้องนำมาใช้ด้วย
ส่วนแนวโน้มการลงทุนของ กบข.ในปีนี้เชื่อว่าน่าจะมีผลตอบแทนที่ดีและสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ โดยช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตสูงถึง 17-18% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม กบข.จะยังคงสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนที่ระดับเดิมคือไม่เกิน 20% แบ่งเป็นลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 10% และลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศประมาณ 10%
สำหรับพอร์ตการลงทุนของ กบข.ปัจจุบันมีประมาณ 400,000 ล้านบาท ส่วนพอร์ตลงทุนสำรองมีประมาณ 135,000 ล้านบาท ส่งผลให้ กบข.มีพอร์ตการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 535,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ด้านการลงทุนในตราสารทุนที่ผ่านมา กบข.ได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อให้สอดรับสถานการณ์และเพื่อเป็นการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว แต่การปรับพอร์ตการลงทุนดังกล่าวจะเป็นไปในลักษณะการปรับพอร์ตระยะสั้นเป็นหลัก
นางสาวโสภาวดีกล่าวว่า สำหรับทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาสสองของปีนี้ คาดว่าภาวะการลงทุนจะมีความผันผวนกว่าช่วงไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อช่วงต้นที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวทำสถิติสูงสุด ส่วนช่วงไตรมาสนี้มีความเสี่ยงในเรื่องของการเทขายเพื่อทำกำไร ประกอบกับสถานการณ์ต่างๆ ในต่างประเทศรวมถึงสถานการณ์การเมืองไทยที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่สามารถประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารทุนช่วงไตรมาสดังกล่าวได้
