การเลือกลงทุนในกองทุนรวม สำคัญที่สุด ก็คือ การพิจารณานโยบายในการลงทุน รวมถึงสินทรัพย์ปลายทางที่จะเข้าไปลงทุน กองทุนไหนจะโดดเด่น หรือเด่นดัง เป็นที่ถูกอกถูกใจนักลงทุน หลายๆ ครั้งก็วัดกันตรงสินทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่การคัดเลือกสินทรัพย์ในการเข้าลงทุนมีความสำคัญและมีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนอย่างมาก
จันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยังถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในช่วงที่ภาวะอัตราดอกเบี้ยอยู่ในขาลงในปัจจุบัน เนื่องจากลักษณะของกระแสเงินสดจากผู้เช่าค่อนข้างแน่นอน ทำให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน
โดยการลงทุนแบบ Freehold ยังให้โอกาสในการได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของทรัพย์สิน ในขณะที่โอกาสลดลงของมูลค่าทรัพย์สินมีค่อนข้างจำกัด รวมถึงการมีรายได้ที่เติบโตตามอัตราเงินเฟ้อ ทำให้การลงทุนมีส่วนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อได้ด้วย และมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า เมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้และกองทุนรวมตลาดเงิน หรือ Money Market Fund
ซึ่งที่ผ่านมาบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้เปิดขายหน่วยไอพีโอกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LHPF ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายย่อยและสถาบันเป็นจำนวนมาก
สินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุน ประกอบด้วย โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท-ทองหล่อ โครงการอาคารพักอาศัยให้เช่า เซนเตอร์ พอยต์ เรซิเดนซ์ พร้อมพงษ์ และโครงการบ้านพักอาศัยให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร รวม 3 โครงการ มูลค่า 3.3 พันล้านบาท โดยในสองโครงการแรกจะเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ส่วนโครงการหลังจะเป็นการลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) อายุ 27 ปีนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555
ทั้ง 3 โครงการมีจุดเด่นที่เหมือนกัน ก็ตรงที่อยู่ใจกลางเมือง ในย่านธุรกิจที่การเดินทางสะดวก และสำคัญที่สุด คือ เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะจากลูกค้าเป้าหมายที่เป็นชาวต่างชาติยิ่งเมื่อพลิกเนื้อในของสินทรัพย์ทั้ง 3 โครงการแล้ว จะยิ่งพบความน่าสนใจที่มากกว่า อย่างเช่น โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท-ทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) มีจำนวน 156 ห้อง แบ่งเป็นห้องแบบสตูดิโอ แบบหนึ่งห้องนอน และแบบสองห้องนอน โครงการนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงจากกลุ่มลูกค้าชาวเอเชีย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในประเทศไทย ซึ่งจุดเด่นของโครงการนั้น นอกจากจะอยู่ในย่านที่เดินทางได้อย่างสะดวกสู่ใจกลางเมือง เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ทองหล่อแล้ว ยังแวดล้อมด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกด้วย
ส่วนโครงการอาคารพักอาศัยให้เช่า เซนเตอร์ พอยต์ เรซิเดนซ์ พร้อมพงษ์ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมพงษ์) มีจำนวน 76 ห้อง มีรูปแบบให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ขนาด 3 ห้องนอน, 4 ห้องนอน จนถึงระดับเพนท์เฮาส์ ขณะที่สถานที่ตั้งมีความสะดวกสบายอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมพงษ์ โดยโครงการมีอัตราการเข้าพักอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
สุดท้ายคือ โครงการบ้านพักอาศัยให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร (LH วิลล่า สาทร) เป็นโครงการบ้านพักอาศัยให้เช่าจำนวน 37 หลัง บนเนื้อที่ประมาณ 11 ไร่ตั้งอยู่บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ใกล้ BRT สถานีถนนจันทน์ โดยโครงการมีความโดดเด่นแตกต่างจากโครงการอื่นๆ เนื่องจากเป็นโครงการบ้านเดี่ยวให้เช่าระดับพรีเมี่ยมในย่านธุรกิจใจกลางเมือง
“โครงการทั้ง 3 ที่กองทุนจะเข้าไปลงทุน ล้วนมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ทำให้โครงการมีอัตราการเข้าพักอาศัยอยู่ในระดับสูงและมีโอกาสรักษาความสามารถในการเติบโตไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการเช่าพักเฉลี่ยทุกโครงการในปี 2554 อยู่ในระดับที่สูงประมาณ 80-90% อีกทั้งลูกค้าเป้าหมายยังเป็นลูกค้าชาวต่างชาติโดยจะเน้นชาวเอเชียมากขึ้น เพราะเป็นภูมิภาคที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
สำหรับจุดเด่นของกองทุน นอกจากจะอยู่ที่การกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ 3 โครงการคุณภาพใจกลางเมือง ในทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการพักอาศัยในกรุงเทพฯในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้กองทุนมีความเสี่ยงต่ำมากในเรื่องการสร้างรายได้แล้ว ผู้ถือหน่วยยังได้รับประโยชน์จากการที่สินทรัพย์มีโอกาสเพิ่มมูลค่าจากราคาที่ดินในอนาคต ซึ่งเป็นประโยชน์ในระยะยาว ส่วนประโยชน์ในระยะสั้น คือการรับประกันผลตอบแทนถึงสิ้นปี 2558 โดยบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
“เรามั่นใจว่า ด้วยศักยภาพของทรัพย์สินที่ กองทุนLHPF เข้าไปลงทุน กับประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งเป็บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ และการบริหารจัดการภายใต้แบรนด์ Centre Point ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์มายาวนานเป็นเวลาเกือบ 20 ปี ทำให้สามารถมั่นใจได้ถึงผลการดำเนินงานของโครงการที่น่าพอใจ”
โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้