xs
xsm
sm
md
lg

กองอสังหาฯมาแรงตั้งแต่ต้นปี ให้ยิลด์สูงหลังหุ้น-บอนด์ผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภาวะตลาดปัจจุบันผันผวนจากปัจจัยทั้งภายในและต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ในบางขณะ ดังนั้นการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เรามองว่า มีแนวโน้มการเติบโตดี และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีหลาย บลจ. ที่เริ่มประเดิมจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์แล้วหลายบลจ.ด้วยกัน

ขณะเดียวกัน ก.ล.ต. เองได้เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นร่างประกาศเกี่ยวกับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพื่อให้เป็นสากลมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ก.ล.ต. จึงเปิดรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศที่เกี่ยวกับการออกและเสนอขายหน่วยรีทของกองรีท และประกาศที่เกี่ยวข้องรวม 7 ฉบับ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 นี้

สุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด บอกว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้รับเข้าเป็นบริษัทจัดการ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค (FUTUREPF) และ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับเข้าเป็นนายทะเบียนหน่วยลงทุน
ทั้งนี้บริษัทฯ มีความพร้อมในทุกด้าน เพื่อทำหน้าที่ให้บริการแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนและจะจัดการกองทุนให้เป็นไปตามนโยบายลงทุนและการบริหารสินทรัพย์ของกองทุน ทั้งนี้ กองทุน FUTUREPF เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในสิทธิการเช่า โดยลงทุนในสิทธิการเช่าพื้นที่ในโครงการฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต บางส่วน รวมเนื้อที่ประมาณ 52,573.09 ตารางเมตร และลงทุนในสิทธิในการนำพื้นที่บางส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง จำนวน 48,190.51 ตารางเมตร กับพื้นที่ผนังภายนอกอาคารของอาคารโครงการฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ไปออกหาประโยชน์ด้วยการให้เช่า ให้บริการ ให้สิทธิใช้พื้นที่ หรือในรูปแบบอื่น

“เราเชื่อว่าการเข้ามารับเป็นผู้จัดการกองทุน FUTUREPF ในครั้งนี้ ผู้ถือหน่วยยังคงมั่นใจได้กับโอกาสที่จะได้รับเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง เพราะกองทุนจะมีศักยภาพในการแสวงหารายได้ของทรัพย์สินที่เข้าไปลงทุนด้วยประสบการณ์บริหารอสังหาริมทรัพย์ของ บริษัท รังสิตพลาซ่า และด้วยประสบการณ์ในการบริหารกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ของ บลจ.บัวหลวง ที่เป็นผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ (TLOGIS) และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จำหน่ายให้กับผู้ลงทุนสถาบันซึ่งได้แก่ เอ็มโพเรียม บางกอกการ์เด้นท์ และอาคารสาธรซิตี้ ทาวเวอร์”

ด้าน บลจ. ซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล นำทัพโดย อนุสรณ์ บูรณกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บอกว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านกองทุนได้เริ่มเปิดไอพีโอ กองทุนเปิดซีไอเอ็มบีพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม หรือ CIMBPRINCIPAL iPROP มีมูลค่าโครงการที่1,500 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนประเภทFund of funds มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผลตอบแทนสม่ำเสมอ จากรายได้ที่มาจากค่าเช่า โดยผู้ลงทุนจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปของมูลค่าหน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้น แล้วยังได้รับรายได้จากเงินปันผลหรือจากการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติอีกด้วย อีกทั้งผู้ลงทุนทุกประเภทได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี ผ่านกองทุนCIMB-Principal iPROP

"กองทุนนี้เป็นกองทุนประเภทการลงทุนฟันด์ออฟฟันด์ ที่จะเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 10 อสังหาริมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7-11% โดยคาดว่ากองทุนดังกล่าวจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 6-8%"

เจิดพันธุ์ บอกต่อว่า กองทุนCIMB-PRINCIPAL iPROP เน้นจ่ายเงินปันผลแบบสม่ำเสมอ โดยมีการแบ่งชนิดของหน่วยลงทุนเป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1. หน่วยลงทุนชนิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ และ2. หน่วยลงทุนชนิดจ่ายเงินปันผล นอกจากนี้ยังช่วยกระจายความเสี่ยงจากการกระจายการลงทุนมาในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพราะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปปันผลที่สม่ำเสมอ และราคาหน่วยลงทุนผันผวนน้อยกว่าการลงทุนในหุ้น

ล่าสุด เจ้าของบ้านจัดสรร แถวหน้าของเมืองไทย อย่าง แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ เล็งนำ 3 โครงการเด็ดใจกลางเมืองหลวง เข้าจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซึ่ง **อดิศร ธนนันท์นราพูล** รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์จำกัด (มหาชน) หรือ LH บอกว่า โครงการทั้ง 3 โครงการที่นำมาจัดตั้งเป็นกองทุนนั้นได้แก่ โครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เซนเตอร์พอยต์ สุขุมวิท-ทองหล่อ โครงการอาคารพักอาศัยให้เช่า เซนเตอร์ พอยต์เรซิเดนซ์ พร้อมพงษ์ และโครงการบ้านพักอาศัยให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่าสาทร โดยมีมูลค่ามูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทมองว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมการเติบโตของที่พักอาศัยของชาวต่างชาติในกรุงเทพฯ ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างประเทศในเขตใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ จะชะลอตัวลงเนื่องจากการที่เนื้อที่ใจกลางเมืองที่มีจำกัดและราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับความต้องการที่อยู่อาศัยที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีปัจจัยต่างๆ สนับสนุนเช่น สถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลาย การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย รวมถึงนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ตลอดจนแผนการรองรับแผนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2558 ซึ่งจะทำให้มีชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น