กองทุน เทสโก้โลตัส เทรดวันแรก ราคาพุ่ง 10% อานิสงส์นักลงทุนพลาดซื้อช่วงไอพีโอ และเชื่อมั่นธุรกิจของโลตัส ด้านบลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปลื้มยอดจองซื้อ กองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กว่า 3.3 พันล้าน เตรียมเทรดในตลาดหุ้นต้นเมษายนนี้
วานนี้ (19 มี.ค.) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า เทสโก้โลตัส รีเทล โกรท หรือ TLGF มูลค่า 18,408 ล้านบาท ได้เข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรก ในหมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยเปิดตลาด ราคาปรับขึ้นไปอยู่ที่ 11.40 บาท เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากราคา 10.40 บาท ที่เสนอขายในช่วงไอพีโอ โดยระหว่างวันราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 11.50 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 11.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,948.79 ล้านบาท
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (มหาชน) จำกัด เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจกับการตอบรับของนักลงทุน ซึ่งการที่ราคาเปิดปรับขึ้นไปถึง 10% แสดงให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจกองทุนนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักลงทุนที่พลาดจองหน่วยลงทุนช่วงเสนอขายครั้งแรก ซึ่งนักลงทุนที่ซื้อที่ระดับราคา 11.40 บาท ก็ยังได้ผลตอบแทนอยู่ถึง 6%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้กองทุนดังกล่าว ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม เนื่องจากนักลงทุนให้ความเชื่อมั่นในธุรกิจ และสินทรัพย์ที่เข้ามาอยู่ในกองทุนทั้งหมด 17 แห่งก็กระจายอยู่ทั่วประเทศ ประกอบกับแผนที่กองทุนจะเพิ่มทุนด้วยการเพิ่มสินทรัพย์อีก 2 แห่งในปีนี้ จึงทำให้นักลงทุนมั่นใจว่ากองทุนดังกล่าวมีโอกาสเติบโตในอนาคต
"เป้าในระยะยาวต่อไป คงมีการเพิ่มทุนโครงการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความสำเร็จในวันนี้ น่าจะทำให้โลตัสเองมีกำลังใจมากขึ้น ประกอบกับแผนการลงทุนของโลตัสเอง ที่เตรียมเงินกว่า 25,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติมในปีนี้ รวมถึงเงินที่ระดมทุนจากกองทุนนี้เอง น่าจะเกิดการลงทุนเพิ่มเติม หรือปรับปรุงสาขาและนำเข้ากองทุนในระยะต่อไป"นายสมชัยกล่าว
สำหรับกองทุน TLGF มีผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO คือ บริษัท เอกชัย-ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ในอัตรา 25.00% Merrill Lynch Far East Limited ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 21.62% และ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 8.15%
ยอดจองซื้อLHPFกว่า3.3พันล้าน
นายสิทธิไชย มหาคุณ หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้นำในการรับประกันการจัดจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHPF) ได้เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 8-16 มีนาคม 2555 ปรากฏว่าเมื่อปิดจองซื้อ กองทุนมียอดความต้องการซื้อหน่วยลงทุนมากกว่ามูลค่าของกองทุน คือ 3.3 พันล้านบาท โดยได้รับความสนใจเป็นอย่างดี จากทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน
ด้านนางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ มาจากนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ 3 โครงการ ประกอบด้วย การลงทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท-ทองหล่อ และโครงการอาคารพักอาศัยให้เช่า เซนเตอร์ พอยต์ เรซิเดนซ์ พร้อมพงษ์ และลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) ในโครงการบ้านพักอาศัยให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร ซึ่งเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูง นอกจากนี้ ประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และการบริหารจัดการภายใต้แบรนด์ Centre Point ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์มายาวนานเป็นเวลาเกือบ 20 ปี ยังมีส่วนสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกด้วย
ขณะเดียวกัน กองทุนยังรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำให้กับผู้ลงทุนจนถึงปี 2558 ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนยิ่งขึ้น สำหรับนักลงทุนที่พลาดโอกาสการจองซื้อในช่วง IPO สามารถลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังจากที่กองทุนได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงต้นเดือนเมษายนต่อไป
วานนี้ (19 มี.ค.) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า เทสโก้โลตัส รีเทล โกรท หรือ TLGF มูลค่า 18,408 ล้านบาท ได้เข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรก ในหมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยเปิดตลาด ราคาปรับขึ้นไปอยู่ที่ 11.40 บาท เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากราคา 10.40 บาท ที่เสนอขายในช่วงไอพีโอ โดยระหว่างวันราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 11.50 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 11.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,948.79 ล้านบาท
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (มหาชน) จำกัด เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจกับการตอบรับของนักลงทุน ซึ่งการที่ราคาเปิดปรับขึ้นไปถึง 10% แสดงให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสนใจกองทุนนี้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักลงทุนที่พลาดจองหน่วยลงทุนช่วงเสนอขายครั้งแรก ซึ่งนักลงทุนที่ซื้อที่ระดับราคา 11.40 บาท ก็ยังได้ผลตอบแทนอยู่ถึง 6%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้กองทุนดังกล่าว ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม เนื่องจากนักลงทุนให้ความเชื่อมั่นในธุรกิจ และสินทรัพย์ที่เข้ามาอยู่ในกองทุนทั้งหมด 17 แห่งก็กระจายอยู่ทั่วประเทศ ประกอบกับแผนที่กองทุนจะเพิ่มทุนด้วยการเพิ่มสินทรัพย์อีก 2 แห่งในปีนี้ จึงทำให้นักลงทุนมั่นใจว่ากองทุนดังกล่าวมีโอกาสเติบโตในอนาคต
"เป้าในระยะยาวต่อไป คงมีการเพิ่มทุนโครงการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความสำเร็จในวันนี้ น่าจะทำให้โลตัสเองมีกำลังใจมากขึ้น ประกอบกับแผนการลงทุนของโลตัสเอง ที่เตรียมเงินกว่า 25,000 ล้านบาทเพื่อลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติมในปีนี้ รวมถึงเงินที่ระดมทุนจากกองทุนนี้เอง น่าจะเกิดการลงทุนเพิ่มเติม หรือปรับปรุงสาขาและนำเข้ากองทุนในระยะต่อไป"นายสมชัยกล่าว
สำหรับกองทุน TLGF มีผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO คือ บริษัท เอกชัย-ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ในอัตรา 25.00% Merrill Lynch Far East Limited ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 21.62% และ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 8.15%
ยอดจองซื้อLHPFกว่า3.3พันล้าน
นายสิทธิไชย มหาคุณ หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้นำในการรับประกันการจัดจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHPF) ได้เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 8-16 มีนาคม 2555 ปรากฏว่าเมื่อปิดจองซื้อ กองทุนมียอดความต้องการซื้อหน่วยลงทุนมากกว่ามูลค่าของกองทุน คือ 3.3 พันล้านบาท โดยได้รับความสนใจเป็นอย่างดี จากทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน
ด้านนางจันทนา กาญจนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ มาจากนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ 3 โครงการ ประกอบด้วย การลงทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท-ทองหล่อ และโครงการอาคารพักอาศัยให้เช่า เซนเตอร์ พอยต์ เรซิเดนซ์ พร้อมพงษ์ และลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) ในโครงการบ้านพักอาศัยให้เช่า แอล แอนด์ เอช วิลล่า สาทร ซึ่งเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูง นอกจากนี้ ประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และการบริหารจัดการภายใต้แบรนด์ Centre Point ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์มายาวนานเป็นเวลาเกือบ 20 ปี ยังมีส่วนสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกด้วย
ขณะเดียวกัน กองทุนยังรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำให้กับผู้ลงทุนจนถึงปี 2558 ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนยิ่งขึ้น สำหรับนักลงทุนที่พลาดโอกาสการจองซื้อในช่วง IPO สามารถลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังจากที่กองทุนได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงต้นเดือนเมษายนต่อไป