หุ้นไทยยืน 1,200 จุดไม่อยู่เจอแรงเทขายกดดันจนถอยมาปิดที่ 1,189.50 วอลุ่ม 4 หมื่นล้าน แต่ต่างชาติยังซื้อสุทธิ 3.2 พันล้านบาท โบรกฯปให้จับตาการประชุมกนง.วันนี้ พร้อมคาดดัชนีมีโอกาสโดยเรงแทขายต่อ เหตุไร้ปัจจัยใหม่ๆสนัยสนุน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ดัชนีปรับตัวผันผวนอยู่ทั้งแดนบวกและลบ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปทำสถิติใหม่ที่ 1,201.61 จุด และกลับมาปิดที่ 1,189.50 จุด ลดลง 0.06 จุด หรือ -0.01% มูลค่าการซื้อขาย 40,338.09 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 3,282.36 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 260 หลักทรัพย์ ลดลง 272 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 147 หลักทรัพย์ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,319.00 ล้านบาท ปิดที่ 190.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,990.59 ล้านบาท ปิดที่ 2.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท TLGF มูลค่าการซื้อขาย 1,948.79 ล้านบาท ปิดที่ 11.40 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,659.58 ล้านบาท ปิดที่ 602.00 บาท ลดลง 10.00 บาท และ IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,627.30 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้ายังอยู่ในโมเมนตัมที่ดี โดยดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทะลุมายืนเหนือ 1,200 จุดได้ ซึ่งรับแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งหุ้นบิ๊กแคปขนาดใหญ่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เพราะดัชนีฯปรับตัวขึ้นมามากแล้วและยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามา
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้หลังจากปรับตัวขึ้นจนผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,200 จุดไปได้ก็เจอกับแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปและดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่อ่อนตัวลง เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว
สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสอง เป็นต้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่ากนง.คงจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3% ต่อไป โดยแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(20 มี.ค.)ดัชนีมีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรต่อ เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆเข้ามาขับเคลื่อน พร้อมให้แนวรับ 1,180 จุด แนวต้าน 1,200 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ดัชนีปรับตัวผันผวนอยู่ทั้งแดนบวกและลบ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปทำสถิติใหม่ที่ 1,201.61 จุด และกลับมาปิดที่ 1,189.50 จุด ลดลง 0.06 จุด หรือ -0.01% มูลค่าการซื้อขาย 40,338.09 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 3,282.36 ล้านบาท
หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 260 หลักทรัพย์ ลดลง 272 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 147 หลักทรัพย์ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,319.00 ล้านบาท ปิดที่ 190.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,990.59 ล้านบาท ปิดที่ 2.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท TLGF มูลค่าการซื้อขาย 1,948.79 ล้านบาท ปิดที่ 11.40 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,659.58 ล้านบาท ปิดที่ 602.00 บาท ลดลง 10.00 บาท และ IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,627.30 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้ายังอยู่ในโมเมนตัมที่ดี โดยดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทะลุมายืนเหนือ 1,200 จุดได้ ซึ่งรับแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งหุ้นบิ๊กแคปขนาดใหญ่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เพราะดัชนีฯปรับตัวขึ้นมามากแล้วและยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามา
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้หลังจากปรับตัวขึ้นจนผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,200 จุดไปได้ก็เจอกับแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปและดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่อ่อนตัวลง เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว
สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสอง เป็นต้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่ากนง.คงจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3% ต่อไป โดยแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(20 มี.ค.)ดัชนีมีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรต่อ เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆเข้ามาขับเคลื่อน พร้อมให้แนวรับ 1,180 จุด แนวต้าน 1,200 จุด