ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยดีดตัว 15 จุด รับการเก็งกำไรการเจรจาแลกเปลี่ยนพันธบัตรของกรีซกับเจ้าหนี้จะสำเร็จ แถมลุ้นอาจได้เห็นการประกาศใช้มาตรการ QE3 ในสัปดาห์หน้า โบรกฯ มองมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 มี.ค.) ปิดที่ระดับ 1,168.31 จุด เพิ่มขึ้น 15.15 จุด หรือ 1.31% มูลค่าการซื้อขาย 35,757.62 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,168.31 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,156.43 จุด ภาพรวมดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังความสำเร็จ ที่กรีซจะตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยนพันธบัตรกับเจ้าหนี้
โดยนักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,624.17 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันที่ขายสุทธิ 1,178.23 ล้านบาท โดยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,650.37 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1,152.02 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 321 หลักทรัพย์ ลดลง 181 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 153 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,425.71 ล้านบาท ปิดที่ 40.00 บาท ลดลง 0.25 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,986.30 ล้านบาท ปิดที่ 3.62 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,902.40 ล้านบาท ปิดที่ 136.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,737.86 ล้านบาท ปิดที่ 357.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท และ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,594.66 ล้านบาท ปิดที่ 634.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวปรับตัวขึ้นเฉลี่ยประมาณ 1% ตอบรับปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดี คือตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งยังคาดการณ์เชิงบวกล่วงหน้า กรณีที่กรีซที่จะต้องได้ข้อสรุปการแลกเปลี่ยนพันธบัตร
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ต่างรีบาวด์หลังปรับตัวลงแรงก่อนหน้านี้ โดยปัจจัยบวกมาจากความคาดหวังว่ากรีซจะสามารถตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยนพันธบัตรกับเจ้าหนี้ได้สำเร็จ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังมีความคาดหวังเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งหลายฝ่ายกำลังจับตาว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้ามีโอกาสที่จะประกาศใช้มาตรการ QE3 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบ หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆออกมา จึงเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงช่วงนี้ ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (9 มี.ค.) ประเมินว่าดัชนียังมีโมเมนตัมเชิงบวกที่จะปรับตัวขึ้นต่อ แต่ต้องระวังเรื่องความผันผวน เพราะหากมีข่าวเชิงลบเข้ามาในช่วงนี้ ดัชนีก็พร้อมจะลงทันที เนื่องจากมีการสะสมหุ้นราคาถูกมาต่อเนื่อง พร้อมให้แนวรับ 1,156-1,150 จุด แนวต้าน 1,170-1,173 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (8 มี.ค.) ปิดที่ระดับ 1,168.31 จุด เพิ่มขึ้น 15.15 จุด หรือ 1.31% มูลค่าการซื้อขาย 35,757.62 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,168.31 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,156.43 จุด ภาพรวมดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังความสำเร็จ ที่กรีซจะตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยนพันธบัตรกับเจ้าหนี้
โดยนักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,624.17 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันที่ขายสุทธิ 1,178.23 ล้านบาท โดยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 1,650.37 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1,152.02 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 321 หลักทรัพย์ ลดลง 181 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 153 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,425.71 ล้านบาท ปิดที่ 40.00 บาท ลดลง 0.25 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,986.30 ล้านบาท ปิดที่ 3.62 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,902.40 ล้านบาท ปิดที่ 136.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,737.86 ล้านบาท ปิดที่ 357.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท และ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,594.66 ล้านบาท ปิดที่ 634.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวปรับตัวขึ้นเฉลี่ยประมาณ 1% ตอบรับปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดี คือตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งยังคาดการณ์เชิงบวกล่วงหน้า กรณีที่กรีซที่จะต้องได้ข้อสรุปการแลกเปลี่ยนพันธบัตร
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ต่างรีบาวด์หลังปรับตัวลงแรงก่อนหน้านี้ โดยปัจจัยบวกมาจากความคาดหวังว่ากรีซจะสามารถตกลงเรื่องการแลกเปลี่ยนพันธบัตรกับเจ้าหนี้ได้สำเร็จ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังมีความคาดหวังเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งหลายฝ่ายกำลังจับตาว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์หน้ามีโอกาสที่จะประกาศใช้มาตรการ QE3 เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบ หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆออกมา จึงเป็นปัจจัยหนุนต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงช่วงนี้ ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (9 มี.ค.) ประเมินว่าดัชนียังมีโมเมนตัมเชิงบวกที่จะปรับตัวขึ้นต่อ แต่ต้องระวังเรื่องความผันผวน เพราะหากมีข่าวเชิงลบเข้ามาในช่วงนี้ ดัชนีก็พร้อมจะลงทันที เนื่องจากมีการสะสมหุ้นราคาถูกมาต่อเนื่อง พร้อมให้แนวรับ 1,156-1,150 จุด แนวต้าน 1,170-1,173 จุด