หุ้นไทยร่วงตามตลาดต่างประเทศ ลดลง 4.94 จุด เหตุนักลงทุนยังไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ จนเกิดแรงเทขายในช่วงบ่าย แม้ช่วงเช้าดีดตัวรับตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นผลให้มาร์เกตแคปหลุดจาก 9 ล้านล้านบาท หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน โบรกฯแนะจับตาประเด็นทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการแก้ไขมาตรา112แม้ว่ายังไม่มีสัญญาณที่จะเกิดความรุนแรง แต่ก็ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจและไม่กล้าลงทุน
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(7ก.พ.) นางสาวธีระดา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดอื่นๆ แต่ต้องจับตาดูประเด็นเรื่องการแก้ไขหนี้สินของกรีซและประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ พร้อมให้แนวรับที่ 1,085-1,090จุด แนวต้าน 1,100 จุด
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนตลอดวัน ดัชนีเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและแดนลบ โดยปิดที่ 1,094.01 จุด ลดลง 4.94 จุด หรือ -0.45% มูลค่าการซื้อขาย 28,018.72 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ1,107.50 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,094.01 จุด เหตุเพราะนักลงทุนยังกังวลในปัญาหของกรีซ
ทั้งนี้ พบว่านักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ ในตลาดหุ้นไทย 2,218.67 ล้านบาท ขณะที่ นักลงทุนทั่วไป สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 1,175.62 ล้านบาท 516.12 ล้านบาท และ 526.93 ล้านบาท ตามลำดับ
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 184 หลักทรัพย์ ลดลง 318 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 132 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,113.10 ล้านบาท ปิดที่ 33.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,438.69 ล้านบาท ปิดที่ 614.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,274.61 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,162.73 ล้านบาท ปิดที่ 341.00 บาท ลดลง 2.00 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 981.97 ล้านบาท ปิดที่ 15.50 บาท ลดลง 0.10 บาท
ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดตลาดปรับตัวลดลง โดยดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 20,709.94 จุด ลดลง 47.04 จุด ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 8,929.20 จุด เพิ่มขึ้น 97.27 จุด และดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดตลาดที่ระดับ 7,687.98 จุด ลดลง 53.26 จุด
ขณะเดียวกันพบว่า จากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายวานนี้ ก็มีผลให้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) จากเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 9,014,780 ล้านบาท ลดลงมาเหลือ 8,974,477 ล้านบาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆเป็นไปตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่มีการแกว่งตัวในแดนบวกในช่วงเช้าและปรับตัวในแดนลบในการซื้อขายช่วงบ่ายโดยดัชนีปิดตัวที่ 1,094.60 จุด ลดลง-4.35จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,632.37 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจัยบวกนอกประเทศคือการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯมากขึ้น แต่ขณะที่ปัจจัยลบยังคงเป็นความไม่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินในกรีซว่ายังไม่มีความคืบหน้าหรือมีสัญญาณบ่งชี้ใหม่ๆที่จะทำให้ตลาดได้รับแรงหนุน ซึ่งเชื่อว่าถ้ามีมาตราการที่ชัดเจนออกมาจะทำให้ตลาดได้รับแรงหนุนส่งผลให้ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆได้
ด้านปัจจัยภายในประเทศที่ต้องจับตามองคือประเด็นทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112ถึงแม้ว่ายังไม่มีสัญญาณที่จะเกิดความรุนแรง อย่างไรก็ดียังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจและไม่กล้าลงทุน
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(7ก.พ.) นางสาวธีระดา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดอื่นๆ แต่ต้องจับตาดูประเด็นเรื่องการแก้ไขหนี้สินของกรีซและประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ พร้อมให้แนวรับที่ 1,085-1,090จุด แนวต้าน 1,100 จุด
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(7ก.พ.) นางสาวธีระดา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดอื่นๆ แต่ต้องจับตาดูประเด็นเรื่องการแก้ไขหนี้สินของกรีซและประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ พร้อมให้แนวรับที่ 1,085-1,090จุด แนวต้าน 1,100 จุด
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนตลอดวัน ดัชนีเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและแดนลบ โดยปิดที่ 1,094.01 จุด ลดลง 4.94 จุด หรือ -0.45% มูลค่าการซื้อขาย 28,018.72 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ1,107.50 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,094.01 จุด เหตุเพราะนักลงทุนยังกังวลในปัญาหของกรีซ
ทั้งนี้ พบว่านักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ ในตลาดหุ้นไทย 2,218.67 ล้านบาท ขณะที่ นักลงทุนทั่วไป สถาบัน และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 1,175.62 ล้านบาท 516.12 ล้านบาท และ 526.93 ล้านบาท ตามลำดับ
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 184 หลักทรัพย์ ลดลง 318 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 132 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,113.10 ล้านบาท ปิดที่ 33.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,438.69 ล้านบาท ปิดที่ 614.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,274.61 ล้านบาท ปิดที่ 156.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,162.73 ล้านบาท ปิดที่ 341.00 บาท ลดลง 2.00 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 981.97 ล้านบาท ปิดที่ 15.50 บาท ลดลง 0.10 บาท
ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ปิดตลาดปรับตัวลดลง โดยดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 20,709.94 จุด ลดลง 47.04 จุด ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 8,929.20 จุด เพิ่มขึ้น 97.27 จุด และดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดตลาดที่ระดับ 7,687.98 จุด ลดลง 53.26 จุด
ขณะเดียวกันพบว่า จากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายวานนี้ ก็มีผลให้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) จากเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 9,014,780 ล้านบาท ลดลงมาเหลือ 8,974,477 ล้านบาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆเป็นไปตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่มีการแกว่งตัวในแดนบวกในช่วงเช้าและปรับตัวในแดนลบในการซื้อขายช่วงบ่ายโดยดัชนีปิดตัวที่ 1,094.60 จุด ลดลง-4.35จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,632.37 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจัยบวกนอกประเทศคือการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐฯมากขึ้น แต่ขณะที่ปัจจัยลบยังคงเป็นความไม่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินในกรีซว่ายังไม่มีความคืบหน้าหรือมีสัญญาณบ่งชี้ใหม่ๆที่จะทำให้ตลาดได้รับแรงหนุน ซึ่งเชื่อว่าถ้ามีมาตราการที่ชัดเจนออกมาจะทำให้ตลาดได้รับแรงหนุนส่งผลให้ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆได้
ด้านปัจจัยภายในประเทศที่ต้องจับตามองคือประเด็นทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112ถึงแม้ว่ายังไม่มีสัญญาณที่จะเกิดความรุนแรง อย่างไรก็ดียังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจและไม่กล้าลงทุน
แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(7ก.พ.) นางสาวธีระดา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดอื่นๆ แต่ต้องจับตาดูประเด็นเรื่องการแก้ไขหนี้สินของกรีซและประเด็นทางการเมืองภายในประเทศ พร้อมให้แนวรับที่ 1,085-1,090จุด แนวต้าน 1,100 จุด