หุ้นไทยบวก 24 จุด รีบาวนด์ตามตลาดอื่นในภูมิภาค หลังตลาดหุ้นฟากยุโรป และสหรัฐฯปรับตัวขึ้น จากการคลายความกังวลต่อวิกฤตเศรษฐกิจ คาดวันนี้อาจปรับตัวไปต่อแต่ไม่สูงมาก เพราะยังมีความผันผวนสูงจากวิกฤตหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้น
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 ส.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,086.32 จุด เพิ่มขึ้น 24.25 จุด หรือ 2.28% มูลค่าการซื้อขาย 35,692.25 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,086.94 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,074.17 จุด ภาพรวมการเคลื่อนไหวของดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนลบวก เช่นเดียวกับ ตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค จากความตรึงเครียดต่อความกังวลในหนี้สาธารณะทั้งยุโรป และสหรัฐฯผ่อนคลายลง โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,043.25 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 435 หลักทรัพย์ ลดลง 95 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 81 หลักทรัพย์ ขณะที่ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,363.07 ล้านบาท ปิดที่ 327.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,092.91 ล้านบาท ปิดที่ 159.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,875.55 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,862.40 ล้านบาท ปิดที่ 119.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท และ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,624.94 ล้านบาท ปิดที่ 117.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวานนี้ปรับตัวขึ้นแรงมาก ตามแรงหนุนของดัชนีหุ้นในยุโรป และสหรัฐฯที่เมื่อวันศุกร์ที่แล้วปิดตลาดได้ดี ส่งผลให้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้าไปด้วย ภายหลังจากวิกฤตในยุโรปเริ่มคลี่คลายลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ได้มีการขยับตัวขึ้นด้วย
ทั้งนี้ เม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดทุนมองว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากต่างประเทศและกองทุนน่าจะซื้อคืน (Cover Short) หลังมองวิกฤตในสหรัฐฯและยุโรปน่าจะหยุดนิ่งชั่วคราว อีกทั้งเม็ดเงินที่มีการขายทองคำออกมาน่าจะมีบางส่วนที่โยกเข้าลงทุนในตลาดหุ้น
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า เช่นเดียวกับดาวโจนส์และตลาดในยุโรปที่มีการฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมาทางยุโรปได้มีคำสั่งห้าม Short sell หุ้นในกลุ่มการเงิน และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯบางตัวดีขึ้นทำให้เป็นแรงหนุน
อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงให้ความกังวลกับปัญหาหนี้สินในยุโรปและสหรัฐฯอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่รอบนี้มองว่าเป็นการรีบาวน์ขึ้นมาภายหลังจากที่ตลาดฯได้ปรับตัวลงไปมาก โดยตลาดหุ้นไทยรอบนี้ก็ปรับตัวลงไปประมาณ 10% ทำให้มีการรีบาวน์ขึ้นมาได้ตามตลาดต่างประเทศ
ดังนั้น แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (16 ส.ค.) คาดว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีคงอยู่ในลักษณะของการแกว่งไซต์เวย์ ซึ่งถ้าสามารถอยู่ในแดนบวกได้ก็จะไม่ขึ้นแรง และมีโอกาสที่จะผันผวนสูง เนื่องจากตลาดฯรอความคืบหน้าเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ พร้อมให้แนวรับ 1,077-1,072 จุด แนวต้าน 1,090-1,095 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 ส.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,086.32 จุด เพิ่มขึ้น 24.25 จุด หรือ 2.28% มูลค่าการซื้อขาย 35,692.25 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,086.94 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,074.17 จุด ภาพรวมการเคลื่อนไหวของดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนลบวก เช่นเดียวกับ ตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค จากความตรึงเครียดต่อความกังวลในหนี้สาธารณะทั้งยุโรป และสหรัฐฯผ่อนคลายลง โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,043.25 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 435 หลักทรัพย์ ลดลง 95 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 81 หลักทรัพย์ ขณะที่ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,363.07 ล้านบาท ปิดที่ 327.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,092.91 ล้านบาท ปิดที่ 159.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,875.55 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,862.40 ล้านบาท ปิดที่ 119.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท และ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,624.94 ล้านบาท ปิดที่ 117.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวานนี้ปรับตัวขึ้นแรงมาก ตามแรงหนุนของดัชนีหุ้นในยุโรป และสหรัฐฯที่เมื่อวันศุกร์ที่แล้วปิดตลาดได้ดี ส่งผลให้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้าไปด้วย ภายหลังจากวิกฤตในยุโรปเริ่มคลี่คลายลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ได้มีการขยับตัวขึ้นด้วย
ทั้งนี้ เม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดทุนมองว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากต่างประเทศและกองทุนน่าจะซื้อคืน (Cover Short) หลังมองวิกฤตในสหรัฐฯและยุโรปน่าจะหยุดนิ่งชั่วคราว อีกทั้งเม็ดเงินที่มีการขายทองคำออกมาน่าจะมีบางส่วนที่โยกเข้าลงทุนในตลาดหุ้น
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า เช่นเดียวกับดาวโจนส์และตลาดในยุโรปที่มีการฟื้นตัวขึ้น เนื่องจากเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมาทางยุโรปได้มีคำสั่งห้าม Short sell หุ้นในกลุ่มการเงิน และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯบางตัวดีขึ้นทำให้เป็นแรงหนุน
อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงให้ความกังวลกับปัญหาหนี้สินในยุโรปและสหรัฐฯอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่รอบนี้มองว่าเป็นการรีบาวน์ขึ้นมาภายหลังจากที่ตลาดฯได้ปรับตัวลงไปมาก โดยตลาดหุ้นไทยรอบนี้ก็ปรับตัวลงไปประมาณ 10% ทำให้มีการรีบาวน์ขึ้นมาได้ตามตลาดต่างประเทศ
ดังนั้น แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (16 ส.ค.) คาดว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีคงอยู่ในลักษณะของการแกว่งไซต์เวย์ ซึ่งถ้าสามารถอยู่ในแดนบวกได้ก็จะไม่ขึ้นแรง และมีโอกาสที่จะผันผวนสูง เนื่องจากตลาดฯรอความคืบหน้าเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ พร้อมให้แนวรับ 1,077-1,072 จุด แนวต้าน 1,090-1,095 จุด