ASTV ผู้จัดการายวัน - ตลาดหุ้นไทยเชื่อสาเหตุนักลงทุนต่างชาติ ปรับลดพอร์ตลงทุนตามคำแนะนำของโกลด์แมนแซคส์ เพราะรอความชัดเจนในนโยบายของรัฐบาลใหม่ อีกทั้งก่อนหน้านี้หุ้นไทยพุ่งแรง จึงมีการเทขายทำกำไร ย้ำปัจจัยพื้นฐานแกร่ง เตรียมโรดโชว์ สหรัฐฯ ยุโรป อังกฤษ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ล่าสุดวานนี้ดัชนีหุ้นร่วงต่อ 11 จุด ต่างชาติขายสุทธิ 3.7 พันล้าน โบรกฯประเมินมีโอกาสรีบาวน์
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า จากการที่ทางโกลด์แมนแซคส์ มีการออกบทวิเคราะห์ โดยมีการแนะนำให้นักลงทุนมีการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย จากความกังวลเกี่ยวกับการที่ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นนั้น ส่วนตัวมองว่า นักลงทุนต่างประเทศนั้นยังไม่ทราบว่านโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศจะเป็นอย่างไร จึงมีความกังวล ทำให้ต้องชะลอดูความชัดเจนก่อน แต่ในด้านของคนไทยนั้นมองว่าไม่ว่าพรรคการเมืองไหนเข้ามาบริหาร ก็จะมีนโยบายบริหารงานที่คล้ายคลึงกันในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้การที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ เนื่องจาก นักลงทุนต่างประเทศได้มีการกลับเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยจำนวนมาก หลังจากที่มีการเข้าสุทธิออกไปในช่วงเดือนมกราคม ทำให้ในช่วงดังกล่าวดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในภูมิภาค และจากการที่ขณะนี้มีปัจจัยความไม่แน่นนอนทางการเมืองจากที่จะมีการเลือกตั้งทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีการขายทำกำไรออกมาก่อน แต่ในด้านปัจจัยพื้นฐานของประเทศนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)ในต่างประเทศทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง เพื่อให้นักลงทุนทราบข้อมูลการลงทุนในประเทศไทย โดยในเดือนนี้หน้าตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)ที่สหรัฐอเมริก ยุโรป อังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ฯลฯ
ด้านตลาดหุ้นไทย วานนี้(7มิ.ย.)ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยปิดที่ระดับ 1,034.75 จุด ลดลง 11.41 จุด หรือ -1.09% มูลค่าการซื้อขาย 28,303.75 ล้านบาท หลังได้รับ รับแรงกดดันจากแรงขายของต่างชาติที่เกิดจากการปรับพอร์ตลงทุน ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ-ปัญหาหนี้สินในยุโรปที่ยังมีอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้"โกลแมนแซค"ได้แนะนำให้ลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,789.78 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันที่ขายสุทธิ 1,250.40 ล้านบาท โดยนักลงทุนททั่วไปซื้อสุทธิ 4,418.73 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 621.45 ล้านบาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้เป็น Negative อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรับแรงกดดันจากการปรับพอร์ตลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ต่างชาติยังคงขายอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และปัญหาหนี้สินในยุโรป ที่ยังคงมีอยู่ในขณะนี้ การปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องนี้ ส่งผลให้สัญญาทางเทคนิคแสดงทิศทางขาลงอย่างชัดเจนแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดบ้านเรายังได้รับแรงกดดันจากการที่ทาง"โกลแมนแซค"ได้ให้คำแนะนำลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย และให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนไปที่ตลาดอินโดนีเซีย, มาเลเซีย ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดูอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นอื่นในภุมิภาคเอเชียที่มีการแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(8 มิ.ย.) ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยอาจมีการรีบาวน์ขึ้นมาได้บ้างในช่วงสั้น ๆ แต่ต้องขึ้นอยู่กับตลาดต่างประเทศด้วย เนื่องจากทิศทางของตลาดโดยรวมยังเป็นขาลง พร้อมให้แนวรับ 1,029-1,021 จุด แนวต้าน 1,044-1,050 จุด
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า จากการที่ทางโกลด์แมนแซคส์ มีการออกบทวิเคราะห์ โดยมีการแนะนำให้นักลงทุนมีการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย จากความกังวลเกี่ยวกับการที่ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นนั้น ส่วนตัวมองว่า นักลงทุนต่างประเทศนั้นยังไม่ทราบว่านโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศจะเป็นอย่างไร จึงมีความกังวล ทำให้ต้องชะลอดูความชัดเจนก่อน แต่ในด้านของคนไทยนั้นมองว่าไม่ว่าพรรคการเมืองไหนเข้ามาบริหาร ก็จะมีนโยบายบริหารงานที่คล้ายคลึงกันในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้การที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายสุทธิตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ เนื่องจาก นักลงทุนต่างประเทศได้มีการกลับเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยจำนวนมาก หลังจากที่มีการเข้าสุทธิออกไปในช่วงเดือนมกราคม ทำให้ในช่วงดังกล่าวดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในภูมิภาค และจากการที่ขณะนี้มีปัจจัยความไม่แน่นนอนทางการเมืองจากที่จะมีการเลือกตั้งทำให้นักลงทุนต่างประเทศมีการขายทำกำไรออกมาก่อน แต่ในด้านปัจจัยพื้นฐานของประเทศนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)ในต่างประเทศทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง เพื่อให้นักลงทุนทราบข้อมูลการลงทุนในประเทศไทย โดยในเดือนนี้หน้าตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์)ที่สหรัฐอเมริก ยุโรป อังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ฯลฯ
ด้านตลาดหุ้นไทย วานนี้(7มิ.ย.)ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยปิดที่ระดับ 1,034.75 จุด ลดลง 11.41 จุด หรือ -1.09% มูลค่าการซื้อขาย 28,303.75 ล้านบาท หลังได้รับ รับแรงกดดันจากแรงขายของต่างชาติที่เกิดจากการปรับพอร์ตลงทุน ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ-ปัญหาหนี้สินในยุโรปที่ยังมีอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้"โกลแมนแซค"ได้แนะนำให้ลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,789.78 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันที่ขายสุทธิ 1,250.40 ล้านบาท โดยนักลงทุนททั่วไปซื้อสุทธิ 4,418.73 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 621.45 ล้านบาท
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้เป็น Negative อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรับแรงกดดันจากการปรับพอร์ตลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ต่างชาติยังคงขายอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และปัญหาหนี้สินในยุโรป ที่ยังคงมีอยู่ในขณะนี้ การปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องนี้ ส่งผลให้สัญญาทางเทคนิคแสดงทิศทางขาลงอย่างชัดเจนแล้ว
นอกจากนี้ ตลาดบ้านเรายังได้รับแรงกดดันจากการที่ทาง"โกลแมนแซค"ได้ให้คำแนะนำลดน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย และให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนไปที่ตลาดอินโดนีเซีย, มาเลเซีย ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดูอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นอื่นในภุมิภาคเอเชียที่มีการแกว่งตัวทั้งในแดนบวก-ลบ
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(8 มิ.ย.) ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยอาจมีการรีบาวน์ขึ้นมาได้บ้างในช่วงสั้น ๆ แต่ต้องขึ้นอยู่กับตลาดต่างประเทศด้วย เนื่องจากทิศทางของตลาดโดยรวมยังเป็นขาลง พร้อมให้แนวรับ 1,029-1,021 จุด แนวต้าน 1,044-1,050 จุด