แรงซื้อจากภายนอกประเทศยังทะลักเข้าตลาดหุ้นไทยไม่หยุด ล่าสุดต่างชาติเก็บหุ้นอีก 2.5 พันล้านบาท ดันดัชนีปิดเพิ่ม 5.76 จุด วอลุ่มซื้อขาย 3.4 หมื่นล้านบาท คาดเข้าเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส1ของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน และแบงก์ จนปรับตัวบวกสวนทางภูมิภาค โบรกฯมองไร้ปัจจัยใหม่สนับสนุน เตือนระวังพักฐาน
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18เม.ย.) ปิดที่ระดับ 1,090.67 จุด เพิ่มขึ้น 5.76 จุด หรือ0.53% มูลค่าการซื้อขาย 34,295.82 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,092.14 จุด และต่ำสุด 1,084.78 จุด โดยแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติยังไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไม่หยุด ล่าสุดซื้อสุทธิอีก 2,576.45 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการเข้าเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส1ของบริษัทจดทะเบียน ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน จึงทำให้ดัชนีวานนี้ปรับตัวสวนหลายตลาดในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง
เริ่มตั้งแต่ ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปิดขยับลงลดลง 3.64 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ระดับ 8,714.48 จุด , ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบ 34.87 จุด หรือ 0.36% แตะที่ 9,556.65 จุด , ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวลดลง 2.78 จุด หรือ 0.13% แตะระดับ 2,137.72 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงลบ 177.76 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 23,830.31 จุด
โดยหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 236 หลักทรัพย์ ลดลง 185 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 131 หลักทรัพย์ และหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ SCC มูลค่าการซื้อขาย 2,498.91 ล้านบาท ปิดที่ 369.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท CPF มูลค่าการซื้อขาย 2,435.33 ล้านบาท ปิดที่ 27.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท PTTมูลค่าการซื้อขาย 1,813.76 ล้านบาท ปิดที่ 375.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย1,297.53 ล้านบาท ปิดที่ 189.50 บาท ลดลง 2.00 บาท และ PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,276.32 ล้านบาท ปิดที่ 43.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ภาพรวมถือว่ายังผันผวนเนื่องจากไม่มีประเด็นใหม่มาขับเคลื่อน โดยเรื่องเดิมที่ต้องตามต่อมีทั้งปัญหาหนี้สินในยุโรป ราคาน้ำมัน เหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันพุธที่ 20 เม.ย.นี้ ส่วนตัวมองว่าไม่น่ากังวล เพราะหลายฝ่ายคาดไว้แล้วว่าคงมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ถ้าไม่ขึ้นก็ถือว่าเซอร์ไพรส์เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม มองว่า กนง.ไม่ได้มีความจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยทุกครั้งที่มีการประชุม อาจจะมีการปรับขึ้น 3 ใน 5 ครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาควันนี้แกว่งตัวบวก-ลบเล็กน้อยสลับกันไป
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(19เม.ย.) ประเมินว่า ดัชนีจะคลื่อนไหวเหมือนวันก่อนหน้า และอาจจะมีการพักฐานได้ พร้อมให้แนวรับ 1,080-1,075 จุด แนวต้าน 1,092-1,095 และ 1,096 จุด
ด้าน น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยอำนวยการอาวุโส บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า วานนี้ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวได้ดีเกินคาดการณ์และออกมาดีกว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ในแดนลบกับบวกเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นแรงเก็งกำไรจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชยที่ใกล้จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 และหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่ตอนนี้ต้องติดตามดูว่า เม็ดเงินต่างชาติจะเคลื่อนไหวอย่างไร เพราะมีแรงซื้อมาต่อเนื่อง 14 วัน และเพิ่งมีแรงขายก่อนวันสงกรานต์เล็กน้อย
ส่วนวันนี้ดัชนีจะเป็นไร ต้องดูทิศทางเม็ดเงินต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งหากต่างชาติซื้อต่อก็พอเก็งกำไรได้ ขณะที่ดัชนีดาวน์โจนส์ล่วงหน้าก็ยังติดลบ และปัจจัยนอกประเทศยังคงกังวลเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จึงประเมินกรอบแนวต้านที่ 1,090-1,100 จุด และ แนวรับที่ 1,075-1,084 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18เม.ย.) ปิดที่ระดับ 1,090.67 จุด เพิ่มขึ้น 5.76 จุด หรือ0.53% มูลค่าการซื้อขาย 34,295.82 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,092.14 จุด และต่ำสุด 1,084.78 จุด โดยแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติยังไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไม่หยุด ล่าสุดซื้อสุทธิอีก 2,576.45 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการเข้าเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส1ของบริษัทจดทะเบียน ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อน จึงทำให้ดัชนีวานนี้ปรับตัวสวนหลายตลาดในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง
เริ่มตั้งแต่ ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปิดขยับลงลดลง 3.64 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ระดับ 8,714.48 จุด , ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบ 34.87 จุด หรือ 0.36% แตะที่ 9,556.65 จุด , ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวลดลง 2.78 จุด หรือ 0.13% แตะระดับ 2,137.72 จุด และ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงลบ 177.76 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 23,830.31 จุด
โดยหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 236 หลักทรัพย์ ลดลง 185 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 131 หลักทรัพย์ และหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ SCC มูลค่าการซื้อขาย 2,498.91 ล้านบาท ปิดที่ 369.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท CPF มูลค่าการซื้อขาย 2,435.33 ล้านบาท ปิดที่ 27.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท PTTมูลค่าการซื้อขาย 1,813.76 ล้านบาท ปิดที่ 375.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย1,297.53 ล้านบาท ปิดที่ 189.50 บาท ลดลง 2.00 บาท และ PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,276.32 ล้านบาท ปิดที่ 43.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นต่อจากสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ภาพรวมถือว่ายังผันผวนเนื่องจากไม่มีประเด็นใหม่มาขับเคลื่อน โดยเรื่องเดิมที่ต้องตามต่อมีทั้งปัญหาหนี้สินในยุโรป ราคาน้ำมัน เหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันพุธที่ 20 เม.ย.นี้ ส่วนตัวมองว่าไม่น่ากังวล เพราะหลายฝ่ายคาดไว้แล้วว่าคงมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ถ้าไม่ขึ้นก็ถือว่าเซอร์ไพรส์เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม มองว่า กนง.ไม่ได้มีความจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยทุกครั้งที่มีการประชุม อาจจะมีการปรับขึ้น 3 ใน 5 ครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาควันนี้แกว่งตัวบวก-ลบเล็กน้อยสลับกันไป
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(19เม.ย.) ประเมินว่า ดัชนีจะคลื่อนไหวเหมือนวันก่อนหน้า และอาจจะมีการพักฐานได้ พร้อมให้แนวรับ 1,080-1,075 จุด แนวต้าน 1,092-1,095 และ 1,096 จุด
ด้าน น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยอำนวยการอาวุโส บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า วานนี้ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวได้ดีเกินคาดการณ์และออกมาดีกว่าเพื่อนบ้านที่อยู่ในแดนลบกับบวกเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นแรงเก็งกำไรจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชยที่ใกล้จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 และหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่ตอนนี้ต้องติดตามดูว่า เม็ดเงินต่างชาติจะเคลื่อนไหวอย่างไร เพราะมีแรงซื้อมาต่อเนื่อง 14 วัน และเพิ่งมีแรงขายก่อนวันสงกรานต์เล็กน้อย
ส่วนวันนี้ดัชนีจะเป็นไร ต้องดูทิศทางเม็ดเงินต่างชาติเป็นหลัก ซึ่งหากต่างชาติซื้อต่อก็พอเก็งกำไรได้ ขณะที่ดัชนีดาวน์โจนส์ล่วงหน้าก็ยังติดลบ และปัจจัยนอกประเทศยังคงกังวลเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จึงประเมินกรอบแนวต้านที่ 1,090-1,100 จุด และ แนวรับที่ 1,075-1,084 จุด
