ดัชนีหุ้นไทยปรับลด6จุด จากแรงเทขายทำกำไรและใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาล แต่ต่างชาติยังซื้อสุทธิเพิ่มเติมอีก 715 ล้านบาท ภาพรวม14วันทำการตั้งแต่ 22มี.ค.มีการซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 3.7 หมื่นล้านบาท โบรกฯประเมินดัชนีปรับตัวไม่มาก เพราะเป็นวันสุดท้ายก่อนเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ พร้อมให้แนวรับ 1,070-1,065 จุด แนวต้าน 1,081-1,090 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้(11เม.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,076.33 จุด ลดลง 6.36 จุด หรือ -0.59% มูลค่าการซื้อขาย 25,805.84 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 1,090.38 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,075.29 จุด โดยระหว่างการซื้อขายมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดต่อเนื่องอีก 715.71 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิ 751.94 ล้านบาท ด้านสถาบัน บัญชีบริษัหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 785.37 ล้านบาท และ 682.28 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติ เข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22มีนาคม โดยประมาณ 14 วันทำการมีการซื้อสุทธิสะสมแล้ว 37,435.49 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 174 หลักทรัพย์ ลดลง 207 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 165 หลักทรัพย์ และ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,243.49 ล้านบาท ปิดที่ 368.00 บาท ลดลง 8.00 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,642.62 ล้านบาท ปิดที่ 782.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,226.98 ล้านบาท ปิดที่ 193.00 บาท ลดลง 3.50 บาท TTA มูลค่าการซื้อขาย 1,141.69 ล้านบาท ปิดที่ 20.70 บาท ลดลง 0.10 บาท และCPF มูลค่าการซื้อขาย 1,042.94 ล้านบาท ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปริมาณการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากสัปดาห์นี้มีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ และตลาดฯเปิดทำการเพียงแค่ 2 วัน ทำให้นักลงทุนบางส่วนได้ชะลอลงทุนและออกจากตลาดฯไปบ้างแล้ว โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯช่วงเช้าแกว่งตัวทั้งแดนบวกและแดนลบ มาจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เพราะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 3 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้ในช่วงเปิดตลาดฯมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน
แต่หลังจากที่มีข่าวว่าพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ตอบรับแผนสันติภาพของสหภาพแอฟริกา ราคาน้ำมันก็เริ่มอ่อนตัวลง ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานสลับออกมา การปรับตัวขึ้น-ลงของหุ้นกลุ่มพลังงานเช้านี้ส่งผลให้ดัชนีฯค่อนข้างแกว่งตัว ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคแกว่งตัวไร้ทิศทาง
ด้านน.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ผันผวน โดยช่วงเช้าดัชนีฯสามารถเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงสายต่อเนื่องไปจนถึงช่วงบ่าย มีแรงขายทำกำไรออกมาก่อนถึงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ดัชนีฯปรับตัวลงในแดนลบ และวอลุ่มเบาบาง
อีกทั้ง ช่วงท้ายของการซื้อขาย แรงขายทำกำไรเริ่มมีออกมามากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความกังวลเหตุการณ์อาฟเตอร์ช็อคขนาด 7.1 ริกเตอร์ที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้วันนี้หุ้นที่เคยปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ ต่างถูกขายทำกำไรออกมาทั้งพลังงาน แบงก์ วัสดุก่อสร้าง และยานยนต์ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบสลับกัน แต่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ดัชนีคงแกว่งตัวในกรอบแคบลง พร้อมให้แนวรับ 1,070-1,065 จุด แนวต้าน 1,081-1,090 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ไทยวานนี้(11เม.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,076.33 จุด ลดลง 6.36 จุด หรือ -0.59% มูลค่าการซื้อขาย 25,805.84 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 1,090.38 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,075.29 จุด โดยระหว่างการซื้อขายมีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่การซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดต่อเนื่องอีก 715.71 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนทั่วไปที่ซื้อสุทธิ 751.94 ล้านบาท ด้านสถาบัน บัญชีบริษัหลักทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 785.37 ล้านบาท และ 682.28 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติ เข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22มีนาคม โดยประมาณ 14 วันทำการมีการซื้อสุทธิสะสมแล้ว 37,435.49 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 174 หลักทรัพย์ ลดลง 207 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 165 หลักทรัพย์ และ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,243.49 ล้านบาท ปิดที่ 368.00 บาท ลดลง 8.00 บาท BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,642.62 ล้านบาท ปิดที่ 782.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,226.98 ล้านบาท ปิดที่ 193.00 บาท ลดลง 3.50 บาท TTA มูลค่าการซื้อขาย 1,141.69 ล้านบาท ปิดที่ 20.70 บาท ลดลง 0.10 บาท และCPF มูลค่าการซื้อขาย 1,042.94 ล้านบาท ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปริมาณการซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากสัปดาห์นี้มีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ และตลาดฯเปิดทำการเพียงแค่ 2 วัน ทำให้นักลงทุนบางส่วนได้ชะลอลงทุนและออกจากตลาดฯไปบ้างแล้ว โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯช่วงเช้าแกว่งตัวทั้งแดนบวกและแดนลบ มาจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เพราะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 3 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้ในช่วงเปิดตลาดฯมีการเข้ามาเล่นเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน
แต่หลังจากที่มีข่าวว่าพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ตอบรับแผนสันติภาพของสหภาพแอฟริกา ราคาน้ำมันก็เริ่มอ่อนตัวลง ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานสลับออกมา การปรับตัวขึ้น-ลงของหุ้นกลุ่มพลังงานเช้านี้ส่งผลให้ดัชนีฯค่อนข้างแกว่งตัว ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคแกว่งตัวไร้ทิศทาง
ด้านน.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ผันผวน โดยช่วงเช้าดัชนีฯสามารถเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงสายต่อเนื่องไปจนถึงช่วงบ่าย มีแรงขายทำกำไรออกมาก่อนถึงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ทำให้ดัชนีฯปรับตัวลงในแดนลบ และวอลุ่มเบาบาง
อีกทั้ง ช่วงท้ายของการซื้อขาย แรงขายทำกำไรเริ่มมีออกมามากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความกังวลเหตุการณ์อาฟเตอร์ช็อคขนาด 7.1 ริกเตอร์ที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้วันนี้หุ้นที่เคยปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ ต่างถูกขายทำกำไรออกมาทั้งพลังงาน แบงก์ วัสดุก่อสร้าง และยานยนต์ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบสลับกัน แต่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ น.ส.ธีรดา กล่าวว่า ดัชนีคงแกว่งตัวในกรอบแคบลง พร้อมให้แนวรับ 1,070-1,065 จุด แนวต้าน 1,081-1,090 จุด