xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยร่วงหนัก46จุดหวั่นศก.ในยุโรปฟื้นยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- หุ้นไทยรูด 46 จุด จากความไม่เชื่อมั่นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป ตลาดหลักทรัพย์ฯชี้มาตรการแก้ไขปัญหายังไม่ชัดเจน แนะ ติดตามข้อมูลข่าวสารใกล้ชิด ด้านนายกสมาคมโบรกเกอร์ เผย สัปดาห์ก่อนฟอสเซลตลาดอนุพันธ์หนักจากมีข้อติดขัดในการดำเนินการ ขณะที่ฟอสเซลหุ้นไม่น่าห่วง ด้านเลขธิการสมาคมนักวิเคราะห์ เผย ระยะสั้นเม็ดเงินไหลออกตลาดหุ้น ลดความเสี่ยงการลงทุน คาดวันนี้มีโอกาสฟื้นตัว

ตลาดหุ้นไทยวานนี้(3ต.ค.) เป็นอีกวันที่ดัชนีผันผวนมากอยู่ในแดนลบ โดยปิดที่ระดับ 869.31 จุด ลดลง 46.90 จุด หรือ -5.12% มูลค่าการซื้อขาย 26,638.06 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 885.37 จุด และ 865.95 จุด ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ แม้จะมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้กรีซ แต่กลับไม่ได้ตอบรับมากนัก ทั้งที่มาตรการต่างๆเริ่มมีออกมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน เนื่องจากนักลงทุนยังไม่ค่อยมั่นใจ

โดยสถาบัน และ บัญชีบริษัทหลกัทรัพย์ (บล.) ขายสุทธิ 1,545.54 ล้านบาท และ1,172.90 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนนักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อสุทธิ 400.55 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 44 หลักทรัพย์ ลดลง 548 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 38 หลักทรัพย์ และหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,688.66 ล้านบาท ปิดที่ 244.00 บาท ลดลง 16.00 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,127,69 ล้านบาท ปิดที่ 130.50 บาท ลดลง 10.50 บาท PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,306,34 ล้านบาท ปิดที่ 90.75 บาท ลดลง 8.25 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,253,83 ล้านบาท ปิดที่ 126.00 บาท ลดลง 2.00 บาท และ CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,188,23 ล้านบาท ปิดที่ 25.50 บาท ลดลง 1.25 บาท

ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค พบว่า ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ร่วง 111.60 จุด หรือ 2.08% ปิดที่ 3,897 จุด , ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ร่วง 211.41 จุด หรือ 2.93% ปิดที่ 7,013.97 จุด ,ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ร่วงลง 154.81 จุด หรือ 1.78% ปิดที่ 8,545.48 จุด , ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงลดลง 770.26 จุด หรือ 4.38% ปิดที่ 16,822.15 จุด , ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดร่วง 53.76 จุด หรือ 2.01% ที่ระดับ 2,621.4 จุด ส่วนตลาดหุ้นจีนและเกาหลีใต้ ปิดทำการเนื่องในวันหยุด

***เอ็มดีตลท.เชื่อดัชนีร่วงตามทั่วโลก

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3 ต.ค.)ปรับตัวลดลงนั้นเป็นไปตามตลาดหุ้นภูมิภาคและตลาดหุ้นสหรัฐที่มีการปรับตัวลดลง 2% จากที่ยังไม่มีความชัดเจน ในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรป ว่าจะออกมาในรูปแบบไหนจากที่ยังมีข้อขัดแย้งภายในยุโรป ซึ่งตราบใดที่ภาพดังกล่าวยังไม่ชัดเจนนั้น การฟื้นตัวของตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ลำบาก โดยปัญหาครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ของทางยูโรโซนตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา

สำหรับขณะนี้ยังไม่ทราบความเสียหายจากปัญหาของทางยูโรโซน ซึ่งนักลงทุนจะต้องระมัดระวังในการลงทุน และติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดและรับฟังคำแนะนำการลงทุนจากนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญในการลงทุน โดยจากภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนสูงขณะนี้นั้นระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯสามารถรองรับได้ระบบเราไม่มีปัญหาประกอบกับมูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยไม่มาก

“ตอนนี้จากที่ภาวะตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงและมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องนั้น ระบบตลาดหลักทรัพย์ฯไม่น่าห่วง แต่ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯห่วงคือนักลงทุนมากกว่าจากที่ภาพการลงทุนระยะยาวนั้นยังไม่ชัดเจน ซึ่งนักลงทุนจะต้องมีการรับฟังข้อมูลจากนักวิเคราะห์และผู้ที่เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์การลงทุน และนักลงทุนจะต้องติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆในการลงทุนอย่างใกล้ชิด”นายจรัมพร กล่าว

**อนุพันธ์โดนบังคับขายอื้อ

ด้านนางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากปัจจัยต่างประเทศที่ไม่แน่นอนนั้นมีผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนอาจมีบ้าง แต่ปัจจัยพื้นฐานของบจ.ไทยนั้นยังน่าลงทุน ซึ่งการที่ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดหุ้นอื่นเนื่องจาก ในช่วงต้นปีถึงปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีกว่าตลาดหุ้นอื่นและเป็นตลาดหุ้นท้ายๆที่นักลงทุนต่างประเทศมีการขายหุ้นออกมา เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนโดยลดการถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

ทั้งนี้จากภาวะตลาดหุ้นไทยที่มีการปรับตัวลดลงแรง นั้นมีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดอนุพันธ์ทำให้มีการถูกบังคับขาย (ฟอสเซล)อนุพันธ์ จำนวนมากในสัปดาห์ก่อน และมีข้อติดขัดในเรื่องการบังคับขายหุ้นจากที่นักลงทุนยังไม่เข้าใจ เพราะ การดำเนินการของโบรกเกอร์บางแห่งนั้น เมื่อถึงจุดจะต้องนำเงินมาวางเพิ่มได้ แต่บางที่จะมีการบังคับขายหุ้นเลย ซึ่งเรื่องนี้ ทางสมาคมโบรกเกอร์จะมีการหารือกับทางชมรมผู้ประกอบธุรกิจซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (เอฟไอคลับ)ถึงปัญหาดังกล่าวเพื่อกำหนดให้ชัดเจน ทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจตรงกัน

ส่วนเรื่องการฟอสเซลหุ้นนั้นไม่มีปัญหาจากโบรกเกอร์และนักลงทุนมีความเข้าใจแล้วและประกอบกับมูลค่าการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน)ในระบบมีจำนวนไม่มากไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า จากปัญหาหนี้ยุโรปนั้นถือว่ายังมีความเสี่ยงต่อการลงทุนในตลาดหุ้นโลก ทำให้เม็ดเงินลงทุนในตลาดโลกมีการเคลื่อนย้ายไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ทำให้ระยะสั้นจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลออกจากตลาดหุ้นจากปัญหาของยุโรป

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีฯ ในวานนี้ปรับตัวลดลง เกินคาดการณ์ตามทิศทางของตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ทั้งนี้ มีแรงขายออกมาอย่างหนักในหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ อย่างกลุ่มพลังงาน โดยปัญหาหนี้กรีซยังเป็นประเด็นหลักที่กดดันบรรยากาศการลงทุน ส่วนตลาดหุ้นภูมิภาคปิดตลาดปรับตัวลดลงทุกตลาด

นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ แม้จะเริ่มมีความคืบหน้าจากกรีซ หลังรัฐบาลกรีซอนุมัติวงเงิน 6.6 พันล้านยูโร หรือ 8.8 พันล้านดอลลาร์ เพื่อนำมาใช้กับมาตรการรัดเข็มขัด รวมทั้งการอนุมัติลดจำนวนข้าราชการลง แต่ตลาดฯก็ไม่ได้ตอบรับมากนัก เพราะจริงๆแล้วเริ่มมีมาตรการต่างๆออกมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่ทางคณะผู้สังเกตการณ์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ, สหภาพยุโรป และธนาคารกลางยุโรป หรือที่เรียกว่ากลุ่มทรอยกา (Troika) ที่ได้เข้าไปสังเกตการณ์ในกรีซก็ออกมาระบุว่ามีบางจุดหรือบางมาตรการที่ยังทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้นักลงทุนยังไม่ค่อยมั่นใจ

ประกอบกับวันนี้หุ้นบิ๊กแคปขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ถูกขายอย่างหนัก จึงเป็นตัวกดดันให้ดัชนีฯปรับลงแรง ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(4 ต.ค.) ดัชนีน่าจะเริ่มแกว่งทรงตัวได้ แต่การเคลื่อนไหวคงอยู่ทั้งในแดนบวกและแดนลบสลับกันไป และการลบคงไม่มากเท่าวันนี้ โดยช่วงนี้มองว่าคงเป็นการเล่นเทรดดิ้งไปก่อน ถ้าถือได้ก็แนะนำทยอยรับได้ ในหุ้นที่ปรับตัวลงมาแรง และควรเป็นหุ้นพื้นฐาน พร้อมให้แนวรับ 860-850 จุด แนวต้าน 900 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น