ASTVผู้จัดการรายวัน – ทองคำร่วงแรง 1,800 บาท ต่อทองคำหนึ่งบาทฉุดทองคำแท่งกลับมาอยู่ที่ 24,450 บาท “จิตติ”เชื่อเกิดแรงขายทำกำไรหลังขึ้นไปสูง คาดระยะยาวปรับตัวขึ้นต่อ จากปัญหาในต่างประเทศจบยาก ฟากตลาดหุ้นร่วงไม่เลิก รูดอีก 21.43 จุด ต่างชาติขายอีก 2พันล้าน หลังโบรกฯต่างชาติปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย แต่วันนี้มีลุ้นรีบาวด์
ราคาทองคำในประเทศวานนี้(25ส.ค.) ร่วงลงหนักถึง 1,800 บาท ต่อนำหนักทองคำ 1 บาท โดยสมาคมผู้ค้าทองคำต้องมีการปรับลดและเพิ่มขึ้นระหว่างวันถึง 9 ครั้ง จนสุดท้ายอยู่ที่ ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 24,350 บาท ขายออก 24,450 บาท ลดลงและ ทองรูปพรรณซื้อคืน 23,998.28 บาท ขายออก 24,850 บาท
ขณะเดียวกัน วานนี้นับเป็นครั้งแรกที่สมาคมค้าทองคำ ประกาศข้อบังคับตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) กรณีผู้ซื้อทองคำมูลค่าตั้งแต่ 700,000 บาทขึ้นไป ต้องแสดงตนและใช้เงินสด และหากซื้อทองคำมูลค่า 2 ล้านบาทขึ้นไป ต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่ ปปง. ตั้งแต่25 ส.ค.นี่เป็นต้นไป ซึ่งกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยสมาคมฯได้ขอความร่วมมือผู้ซื้อทองคำแสดงตน และให้ข้อมูลแก่ผู้ประกอบการร้านค้าทองคำ ร้านเพชรพลอย และร้านค้าอัญมณีด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้แก่ผู้ซื้และผู้ขาย เนื่องจากยังเป็นแรกที่เริ่มมีผลบังคับใช้
นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำวานนี้ปรับลดลงแรงเป็นผลมาจากแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น หลังราคาทองคำปรับขึ้นทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่กรกฎาคมถึงปัจจุบันกว่า 5,000 บาทต่อบาททอง รวมทั้งตลาดซื้อขายทองคำ COMEX ได้ปรับเพิ่มอัตราเงินประกันขั้นต่ำ (มาร์จิ้น)ในการซื้อขาย ทำให้นักลงทุนเกิดการเทขายออกมา ดังนั้นนักลงทุนต้องระมัดระวังอย่างมาก หากจะลงทุนควรซื้อเพียงบางส่วน และอย่าไล่ราคาในช่วงที่ทองคำพุ่ง อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นได้ เนื่องจากเชื่อว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่สำเร็จ ถึงแม้อาจจะออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบครั้งที่ 3 หรือ QE 3 แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ได้ผล
**หุ้นไทยรูด 21 จุดสวนตลาดโลก
ด้านดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ปิดที่ 1,025.00 จุด ลดลง 21.43 จุด หรือ -2.05% มูลค่าการซื้อขาย 33,255 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,046.23 ล้านบาท ทั้งนี้ น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยลงแรงสวนทางหุ้นโลก คาดยังมีแรงขายต่างชาติอยู่ ทำให้แนวโน้มวันนี้(26ส.ค.)คาดว่าน่าจะมีการรีบาวด์ขึ้นมาบ้างหลัง ปรับตัวลดลงมา 6 วัน เกือบ 60 จุดแล้ว แต่ต้องระมัดระวังเรื่อง flow ที่ขยับด้วยเพราะหุ้นข้างนอกค่อนข้างเป็นบวกจากความคาดหวังเรื่องธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ประกอบกับ โบรกฯต่างชาติปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยและลดคาดการณ์จีดีพีลดลง ซึ่งอาจจะมีแรงทำกำไรออกมา ประเมินแนวต้าน 1,037-1,042 แนวรับ 1,020 และ 1,010 จุด
**ภัทรแนะลงทุนบอนด์ตปท.- ทองคำ
ฝ่ายวิจัยลูกค้าบุคคล บล. ภัทร กล่าวถึงคำแนะนำจัดสรรการลงทุน (Asset Allocation) ว่าแนะให้นักลงทุนปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศเป็น “น้ำหนักตามเกณฑ์” และแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ โดยมองว่าในสภาวะที่ตลาดเริ่มคลายความกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงที่กระทบตลาดการเงิน เราคิดว่ามีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศที่แนะนำให้ลงทุน คือ กองทุน K Global Emerging Market Bond Fund และ TMB Golbal Bond Fund”
ส่วนของการลงทุนในทองคำนั้น แนะนำ “น้ำหนักสูงกว่าเกณฑ์” และมองว่าหลังจากราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา จึงมีโอกาสที่จะถูกเทขายทำกำไรออกมาบ้างในระยะสั้น ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับการเข้าซื้อ นอกจากนี้ Bank of America Merrill Lynch ได้ปรับประมาณการราคาเป้าหมายสำหรับทองคำในอีก 12 เดือนข้างหน้าเป็น 2,000 ดอลลาล์สหรัฐฯต่อออนซ์โดยกองทุนรวมทองคำที่แนะนำ คือ กองทุนธนชาต TGold Bullion – Unhedged
ราคาทองคำในประเทศวานนี้(25ส.ค.) ร่วงลงหนักถึง 1,800 บาท ต่อนำหนักทองคำ 1 บาท โดยสมาคมผู้ค้าทองคำต้องมีการปรับลดและเพิ่มขึ้นระหว่างวันถึง 9 ครั้ง จนสุดท้ายอยู่ที่ ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 24,350 บาท ขายออก 24,450 บาท ลดลงและ ทองรูปพรรณซื้อคืน 23,998.28 บาท ขายออก 24,850 บาท
ขณะเดียวกัน วานนี้นับเป็นครั้งแรกที่สมาคมค้าทองคำ ประกาศข้อบังคับตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) กรณีผู้ซื้อทองคำมูลค่าตั้งแต่ 700,000 บาทขึ้นไป ต้องแสดงตนและใช้เงินสด และหากซื้อทองคำมูลค่า 2 ล้านบาทขึ้นไป ต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่ ปปง. ตั้งแต่25 ส.ค.นี่เป็นต้นไป ซึ่งกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยสมาคมฯได้ขอความร่วมมือผู้ซื้อทองคำแสดงตน และให้ข้อมูลแก่ผู้ประกอบการร้านค้าทองคำ ร้านเพชรพลอย และร้านค้าอัญมณีด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้แก่ผู้ซื้และผู้ขาย เนื่องจากยังเป็นแรกที่เริ่มมีผลบังคับใช้
นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำวานนี้ปรับลดลงแรงเป็นผลมาจากแรงเทขายทำกำไรระยะสั้น หลังราคาทองคำปรับขึ้นทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่กรกฎาคมถึงปัจจุบันกว่า 5,000 บาทต่อบาททอง รวมทั้งตลาดซื้อขายทองคำ COMEX ได้ปรับเพิ่มอัตราเงินประกันขั้นต่ำ (มาร์จิ้น)ในการซื้อขาย ทำให้นักลงทุนเกิดการเทขายออกมา ดังนั้นนักลงทุนต้องระมัดระวังอย่างมาก หากจะลงทุนควรซื้อเพียงบางส่วน และอย่าไล่ราคาในช่วงที่ทองคำพุ่ง อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นได้ เนื่องจากเชื่อว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่สำเร็จ ถึงแม้อาจจะออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบครั้งที่ 3 หรือ QE 3 แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ได้ผล
**หุ้นไทยรูด 21 จุดสวนตลาดโลก
ด้านดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ปิดที่ 1,025.00 จุด ลดลง 21.43 จุด หรือ -2.05% มูลค่าการซื้อขาย 33,255 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,046.23 ล้านบาท ทั้งนี้ น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยลงแรงสวนทางหุ้นโลก คาดยังมีแรงขายต่างชาติอยู่ ทำให้แนวโน้มวันนี้(26ส.ค.)คาดว่าน่าจะมีการรีบาวด์ขึ้นมาบ้างหลัง ปรับตัวลดลงมา 6 วัน เกือบ 60 จุดแล้ว แต่ต้องระมัดระวังเรื่อง flow ที่ขยับด้วยเพราะหุ้นข้างนอกค่อนข้างเป็นบวกจากความคาดหวังเรื่องธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ประกอบกับ โบรกฯต่างชาติปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยและลดคาดการณ์จีดีพีลดลง ซึ่งอาจจะมีแรงทำกำไรออกมา ประเมินแนวต้าน 1,037-1,042 แนวรับ 1,020 และ 1,010 จุด
**ภัทรแนะลงทุนบอนด์ตปท.- ทองคำ
ฝ่ายวิจัยลูกค้าบุคคล บล. ภัทร กล่าวถึงคำแนะนำจัดสรรการลงทุน (Asset Allocation) ว่าแนะให้นักลงทุนปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศเป็น “น้ำหนักตามเกณฑ์” และแนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ โดยมองว่าในสภาวะที่ตลาดเริ่มคลายความกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงที่กระทบตลาดการเงิน เราคิดว่ามีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศที่แนะนำให้ลงทุน คือ กองทุน K Global Emerging Market Bond Fund และ TMB Golbal Bond Fund”
ส่วนของการลงทุนในทองคำนั้น แนะนำ “น้ำหนักสูงกว่าเกณฑ์” และมองว่าหลังจากราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา จึงมีโอกาสที่จะถูกเทขายทำกำไรออกมาบ้างในระยะสั้น ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับการเข้าซื้อ นอกจากนี้ Bank of America Merrill Lynch ได้ปรับประมาณการราคาเป้าหมายสำหรับทองคำในอีก 12 เดือนข้างหน้าเป็น 2,000 ดอลลาล์สหรัฐฯต่อออนซ์โดยกองทุนรวมทองคำที่แนะนำ คือ กองทุนธนชาต TGold Bullion – Unhedged