xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นทั่วโลกร่วง ผิดหวังUS-UK Q1พอร์ตลงทุนหนุนบล.กำไรพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ไตรมาส1/55 บล.กำไรสุทธิรวม 2,184 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกัน สวนทางรายได้รวมลดลง เหตุ กำไรพอร์ตหุ้นพุ่งแตะ 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 900 ล้านบาท ล่าสุดวานนี้(5มิ.ย.)หุ้นทุกตลาดปรับตัวร่วงผิดหวังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกังวลปัญหานี้ยุโรป คาดสัปดาห์นี้ยังกดดันต่อ โบรกฯให้จับตา หากเจอพิษการเมืองเสริมอาจหลุด 1,100 จุด

ตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้(5มิ.ย.) พบว่า ปรับตัวลงทุกที่ จากความกังวัลต่อปัญหาหนี้ในกลุ่มยูโรโซน โดยเฉพาะ กรีซ และ สเปน อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนจึงเกิดแรงเทขายจำนวนมากในหลายตลาด เช่น ดาวโจนส์ สหรัฐฯ ปิดลบ 274.88 จุด อยู่ที่ระดับ 12,118.57 จุด ดัชนีนิเกอิ ญี่ปุ่นปิด 8,295.63จุด ลดลง 144.62 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ฮ่องกง ปิด18,185.59 จุด ลดลง 372.75 จุด และดัชนีสเตรทไทม์ สิงคโปร์ ปิด 2,785.14 ลดลง 14.40 จุด ส่วนตลาดหุ้นไทยหยุดทำการซื้อขาย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย( SET) ปรับตัวลง จากแรงขายของนักลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงท่ามกลางปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศ โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,115.19 จุด ลดลง 1.56% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 2.00%แนวโน้มสัปดาห์นี้มองว่าดัชนีจะยังคงผันผวน ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยลบในต่างประเทศ โดยต้องติดตามประเด็นเกี่ยวกับหนี้กรีซและภาคธนาคารสเปน สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงาน ดัชนี ISM ภาคการบริการ รายงาน Beige Book และดุลงบประมาณของรัฐบาลกลาง ทั้งนี้ คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,100 และ 1,084 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,137 และ 1,157 จุด
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มสัปดาห์นี้ต้องจับตาเรื่องยุโรปซึ่งเป็นปัจจัยที่ให้น้ำหนักมากที่สุด รองลงมาเป็นเรื่องการเมืองในประเทศ ซึ่งมีโอกาสเห็นดัชนีไหลลงไปที่ 1,100 จุดได้

**Q1บล.กำไรเพิ่มจากพอร์ตลงทุน

ขณะเดียวกัน จากข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แจ้งว่า ผลประกอบการของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ในไตรมาส 1/55 จำนวน 45 แห่ง มีรายได้รวม 8,563 ล้านบาท ลดลง 11 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวม 8,574 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ จำนวน 6,092 ล้านบาท ลดลง 511 ล้านบาท จากไตรมาส1/54 ที่ 6,603 ล้านบาท รายได้นายหน้าซื้อขายสัญญาล่วงหน้า 496 ล้านบาท ลดลง 17 ล้านบาท จากไตรมาส1/54 ที่มี 513 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการมีการอยู่ที่ 460 ล้านบาท ลดลง 15 ล้านบาท จากไตรมาส1/54 ที่มี 475 ล้านบาท

ทั้งนี้มีรายได้จากกำไรจากเงินลงทุน จำนวน 1,066 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 925 ล้านบาท จากไตรมาส 1/54 ที่มีกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 141 ล้านบาท แต่มีผลขนดาทุนซื้อขายตราสารอนุพันธ์ จำนวน 178 ล้านบาท จากไตรมาส1/54 ที่มีกำไรจากการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่ 115 ล้านบาท ขณะที่บล.มีค่าใช้จ่ายรวมในไตรมาส1/55 จำนวน 5,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส1/55 ที่มี 5,573 ล้านบาท ดังนั้นทำให้กำไรสุทธิรวมของบลไตรมาส1/55 อยู่ที่ 2,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 304 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16.17% จากไตรมาส1/54 ที่1,880 ล้านบาท

สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส1ปีนี้ถือว่าสูงสุดในรอบ 5 ปี จากไตรมาส1/54 ที่มีกำไรสุทธิ 1,880 ล้านบาท ไตรมาส1/53 มีกำไรสุทธิ 644 ล้านบาท กำไรสุทธิไตรมาส1/52 มีผลขาดทุน 773 ล้านบาท กำไรสุทธิในไตรมาส1/51 มีกำไรสุทธิ 1,971 ล้านบาท ไตรมาส1/50 มีกำไรสุทธิ 1,339 ล้านบาท

อนึ่งก่อนหน้านี้ นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ได้ร่วมหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เกี่ยวกับเกณฑ์คุณภาพการให้บริการของบริษัทหลักทรัพย์ โดยได้มีการรือเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นการลงทุนและการให้บริการของบล.แก่นักลงทุน จากที่บล.มีพอร์ตการลงทุนในหุ้น เพื่อไม่ให้นักลงทุนมีความข้องใจเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวของบล. ซึ่งบล.จะต้องมีการซื้อขายหุ้นเพื่อบัญชีบล.โปร่งใสและบล.ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจในการซื้อขายหุ้นเพื่อพอร์ตของบล. โดยบล.จะต้องมีการทำความเข้าใจแก่ลูกค้าในเรื่องดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น