บลจ. บัวหลวง โชว์ศักยภาพกองทุนกองทุน TFUND หลังเจอน้ำท่วมปีที่แล้วยังจ่ายปันผลผู้ถือหน่วยได้ในอัตรา 0.17 บาทต่อหน่วย นักลงทุนเฮรับพร้อมกัน 29 มี.ค.นี้
นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้บริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TFUND ของแจ้งกำหนดการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 28 และวันปิดสมุดทะเบียนการพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิในเงินปันผล
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวให้จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 28 จากกำไรสะสมและผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ถึง วันที่ 15 มีนาคม 2555 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.17 บาท โดยบริษัทจัดการกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 15 มีนาคม 2555 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 29 มีนาคม 2555
สำหรับกองทุน TFUND ปัจจุบันลงทุนในที่ดินอาคารโรงงานและคลังสินค้า รวม 209 หลังซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เขตส่งเสริมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม และโครงการ รวม 10 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 20 หลัง นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (บางปะกง) จังหวัดชลบุรี 59 หลัง โครงการไทคอน โลจิสติคส์พาร์ค บางนา จังหวัดฉะเชิงเทรา 8 หลัง นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ4 หลัง นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ดจังหวัดระยอง 1 หลัง เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี 14 หลัง นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี 18 หลังสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 46 หลัง นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน14 หลัง และนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า(ไฮเทค) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน25 หลัง
ด้าน บล. เอเชียพลัส รายงานว่า ก่อนส่งมอบให้กับลูกค้าต้นเดือนมีนาคม 2555 ซึ่งจะทำให้ทางกองทุนฯ สามารถเริ่มเก็บค่าเช่าได้บางส่วนตั้งแต่ ไตรมาส 1 ปี 55 และเร็วกว่าฝ่ายวิจัยคาดไว้ ลูกค้าส่วนใหญ่มีความต้องการขอเช่าในพื้นที่เดิมอยู่ อัตราการเช่าเฉลี่ยของโรงงานในภาคกลางที่เสียหายจากน้ำท่วมน่าจะยืนได้อย่างน้อย 60% ก่อนจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสถัดไป และกลับสู่ระดับปกติ 80 - 90% ในงวด 2H55
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคงประมาณการอย่างอนุรักษ์นิยมเช่นเดิม โดยเบื้องต้นประเมินรายได้จากการลงทุนสุทธิปี 2555 เท่ากับ 613 ล้านบาท ลดลง 6% yoy โดยประมาณการยังไม่ได้รวมเงินชดเชยจากประกันภัยสำหรับความเสียหายของโรงงาน ภายใต้วงเงิน 9 พันบาท/ตร.ม. (หรือเฉลี่ย 20 ล้านบาท/โรงงาน) และ Business Interruption วงเงิน 20 ล้านบาทสำหรับทุกโรงงานทั้งหมด รวมถึงแผนการเพิ่มทุนเพื่อซื้อโรงงานจาก TICON ในงวด 1Q55 มูลค่า 750 ล้านบาท และงวด 4Q55 มูลค่า 1.5 พันล้านบาท
นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้บริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TFUND ของแจ้งกำหนดการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 28 และวันปิดสมุดทะเบียนการพักการโอนหน่วยลงทุนเพื่อกำหนดสิทธิในเงินปันผล
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวให้จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 28 จากกำไรสะสมและผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ถึง วันที่ 15 มีนาคม 2555 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.17 บาท โดยบริษัทจัดการกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 15 มีนาคม 2555 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 29 มีนาคม 2555
สำหรับกองทุน TFUND ปัจจุบันลงทุนในที่ดินอาคารโรงงานและคลังสินค้า รวม 209 หลังซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เขตส่งเสริมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม และโครงการ รวม 10 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 20 หลัง นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (บางปะกง) จังหวัดชลบุรี 59 หลัง โครงการไทคอน โลจิสติคส์พาร์ค บางนา จังหวัดฉะเชิงเทรา 8 หลัง นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ4 หลัง นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ดจังหวัดระยอง 1 หลัง เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี 14 หลัง นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง จังหวัดชลบุรี 18 หลังสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 46 หลัง นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน14 หลัง และนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า(ไฮเทค) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน25 หลัง
ด้าน บล. เอเชียพลัส รายงานว่า ก่อนส่งมอบให้กับลูกค้าต้นเดือนมีนาคม 2555 ซึ่งจะทำให้ทางกองทุนฯ สามารถเริ่มเก็บค่าเช่าได้บางส่วนตั้งแต่ ไตรมาส 1 ปี 55 และเร็วกว่าฝ่ายวิจัยคาดไว้ ลูกค้าส่วนใหญ่มีความต้องการขอเช่าในพื้นที่เดิมอยู่ อัตราการเช่าเฉลี่ยของโรงงานในภาคกลางที่เสียหายจากน้ำท่วมน่าจะยืนได้อย่างน้อย 60% ก่อนจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสถัดไป และกลับสู่ระดับปกติ 80 - 90% ในงวด 2H55
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคงประมาณการอย่างอนุรักษ์นิยมเช่นเดิม โดยเบื้องต้นประเมินรายได้จากการลงทุนสุทธิปี 2555 เท่ากับ 613 ล้านบาท ลดลง 6% yoy โดยประมาณการยังไม่ได้รวมเงินชดเชยจากประกันภัยสำหรับความเสียหายของโรงงาน ภายใต้วงเงิน 9 พันบาท/ตร.ม. (หรือเฉลี่ย 20 ล้านบาท/โรงงาน) และ Business Interruption วงเงิน 20 ล้านบาทสำหรับทุกโรงงานทั้งหมด รวมถึงแผนการเพิ่มทุนเพื่อซื้อโรงงานจาก TICON ในงวด 1Q55 มูลค่า 750 ล้านบาท และงวด 4Q55 มูลค่า 1.5 พันล้านบาท
