ASTVผู้จัดกาารายวัน-โบรกเกอร์กองทุนรวม เผย ปัญหาหนี้ยุโรปเริ่มชัดเจน ส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียรวมถึงประเทศไทย ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยขยับต่อ เตือนระยะกลางถึงระยะยาวความเสี่ยงยังคงมีอยู่ พร้อมแนะเก็งกำไรกองทุน K-OIL แต่ต้องยังต้องระมัดระวังความเสี่ยงด้วย
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund Super Mart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเก็งกำไรในกองทุนน้ำมัน ความน่าสนใจของกองทุนน้ำมันยังไม่หมด แม้ว่าระยะสั้นอาจเจอแนวต้านแถว 110 US$/bbl. แต่ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกยังส่งผลกระทบต่อความกังวลในเรื่องอุปทานน้ำมัน ราคาน้ำมันจึงมีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวขึ้นต่อ ดั้งนั้น เราจึงแนะนำให้ถือลุ้นเก็งกำไรกองทุน้ำมันต่อไป โดยกองทุนน้ำมันที่แนะนำยังคงเป็น K-OILของ บลจ. กสิกรไทย อย่างไรก็ตาม การเก็งกำไรยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงจากผลกระทบปัญหาหนี้ยุโรป และราคาน้ำมันพร้อมปรับลงได้ทุกเมื่อ หากสถานการณ์อุปทานกลับมาดีขึ้น
สำหรับสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ระยะสั้น เราคาดว่าปัจจัยการเคลื่อนย้ายเงินทุน และความคาดหวังของนักลงทุนต่อมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมจากยุโรปในสัปดาห์นี้จะยังทำให้ระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้อีก และตลาดเกิดใหม่ก็ยังคงเป็นที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเรายังต้องระมัดระวังการลงทุนระยะกลางถึงยาวต่อไป ปัญหาหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าจับตามองต่อไป ความผันผวนยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และหลังจากลดพอร์ตการลงทุนไปแล้วบางส่วน เรายังคงแนะนำให้ Wait and See ต่อไป และอาจทยอยลดเพิ่มหากราคาสินทรัพย์เสี่ยงยังปรับขึ้นต่อ เงินลงทุนก้อนใหม่ยังแนะนำพักไว้ใน “PCASH” ซึ่งเป็นกองทุนตลาดเงินของ บลจ.ฟิลลิป ต่อไปก่อน
อย่างไรก็ตามด้วยความพยายามอยู่นานสุดท้ายกรีซสามารถบรรลุข้อตกลงขอความช่วยเหลือทางการเงินรอบ 2 ได้สำเร็จดังที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า โดยเมื่อผลออกมาเป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์กันไว้ล่วงหน้า การปรับขึ้นจึงเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ขณะที่ตลาดเริ่มมองไปข้างหน้าอีกครั้งด้วยข้อตกลงที่เข้มงวด อาจทำให้กรีซไม่สามารถปฏิบัติตามที่ได้ตกลงกันไว้ความเสี่ยงปัญหาหนี้ในยุโรปจึงยังไม่ได้หายไป นอกจากนี้ ด้วยมาตรการปรับลดงบประมานขาดดุล ลดรายจ่ายภาครัฐลงอย่างมากจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศในยุโรปชะลอตัวลงและมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ ทำให้ตลาดเริ่มชะลอมารอดูสถานการณ์
ส่วนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงกระตุ้นให้นักลงทุนมั่นใจการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วทรงตัวอยู่ที่ 351,000 ราย สามารถรักษาระดับไว้ได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และตัวเลขตลาดบ้านก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามความกังวลจากทางฝั่งยุโรปทำให้ตลาดยังปรับขึ้นได้ไม่มากนัก โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองยังคงเป็นปัญหาหนี้ยุโรป การปล่อยสภาพคล่องเพิ่มเติมของประเทศตะวันตก และความยั่งยืนของเศรษฐกิจสหรัฐตามเดิม
ทางฝั่งตลาดหุ้นเอเชียนั้นกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะเอเชีย แม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากฝั่งยุโรปบ้างแต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมรวมถึงการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองธนาคารพาณิชย์จีน ช่วยให้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องต่างชาติเข้ามาสะสมหุ้นแล้วกว่า 5 หมื่นล้านบาท หนุนดัชนี SETI ปิดที่1,146.14 จุด (+1.43% WoW) แต่ต้องระวังการขายทำกำไรระยะสั้นของต่างชาติไว้ด้วย
สำหรับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งราคาทองคำ และราคาน้ำมัน ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันปิดที่ 109.77 US$/bbl. (+6.33% WoW) โดยมีปัจจัยความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก ทำให้เกิดความกังวลต่ออุปทานน้ำมัน ขณะที่ราคาทองคำก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นผ่านแนวต้านที่ 1,750 US$/oz. ไปได้ บนคาดการณ์ที่หลายประเทศมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสภาพคล่องเข้ามาอีกและความเสี่ยงที่ปัญหาหนี้ยุโรปยังไม่จบ ราคาทองคำสัปดาห์นี้ปิดที่ 1,780.74 US$/oz. (+3.42% WoW)
อย่างไรก็ตามสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังคงปรับเพิ่มความชันขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพันธบัตรระยะสั้นอายุ 6 เดือน อัตราผลตอบแทนทรงตัวใกล้เคียงเดิม +1Bps. เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 1 ปี ที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +1 Bps.ขณะที่พันธบัตรอายุ 5 ปี และ 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้น +6 Bps. ทั้งคู่สัปดาห์นี้เราคาดว่าจะยังคงเห็นการปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในทิศทางเดิม แบบค่อยเป็นค่อยไป
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund Super Mart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเก็งกำไรในกองทุนน้ำมัน ความน่าสนใจของกองทุนน้ำมันยังไม่หมด แม้ว่าระยะสั้นอาจเจอแนวต้านแถว 110 US$/bbl. แต่ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกยังส่งผลกระทบต่อความกังวลในเรื่องอุปทานน้ำมัน ราคาน้ำมันจึงมีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวขึ้นต่อ ดั้งนั้น เราจึงแนะนำให้ถือลุ้นเก็งกำไรกองทุน้ำมันต่อไป โดยกองทุนน้ำมันที่แนะนำยังคงเป็น K-OILของ บลจ. กสิกรไทย อย่างไรก็ตาม การเก็งกำไรยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงจากผลกระทบปัญหาหนี้ยุโรป และราคาน้ำมันพร้อมปรับลงได้ทุกเมื่อ หากสถานการณ์อุปทานกลับมาดีขึ้น
สำหรับสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ระยะสั้น เราคาดว่าปัจจัยการเคลื่อนย้ายเงินทุน และความคาดหวังของนักลงทุนต่อมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมจากยุโรปในสัปดาห์นี้จะยังทำให้ระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้อีก และตลาดเกิดใหม่ก็ยังคงเป็นที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเรายังต้องระมัดระวังการลงทุนระยะกลางถึงยาวต่อไป ปัญหาหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าจับตามองต่อไป ความผันผวนยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และหลังจากลดพอร์ตการลงทุนไปแล้วบางส่วน เรายังคงแนะนำให้ Wait and See ต่อไป และอาจทยอยลดเพิ่มหากราคาสินทรัพย์เสี่ยงยังปรับขึ้นต่อ เงินลงทุนก้อนใหม่ยังแนะนำพักไว้ใน “PCASH” ซึ่งเป็นกองทุนตลาดเงินของ บลจ.ฟิลลิป ต่อไปก่อน
อย่างไรก็ตามด้วยความพยายามอยู่นานสุดท้ายกรีซสามารถบรรลุข้อตกลงขอความช่วยเหลือทางการเงินรอบ 2 ได้สำเร็จดังที่ตลาดคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า โดยเมื่อผลออกมาเป็นไปตามที่ตลาดได้คาดการณ์กันไว้ล่วงหน้า การปรับขึ้นจึงเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ขณะที่ตลาดเริ่มมองไปข้างหน้าอีกครั้งด้วยข้อตกลงที่เข้มงวด อาจทำให้กรีซไม่สามารถปฏิบัติตามที่ได้ตกลงกันไว้ความเสี่ยงปัญหาหนี้ในยุโรปจึงยังไม่ได้หายไป นอกจากนี้ ด้วยมาตรการปรับลดงบประมานขาดดุล ลดรายจ่ายภาครัฐลงอย่างมากจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศในยุโรปชะลอตัวลงและมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ ทำให้ตลาดเริ่มชะลอมารอดูสถานการณ์
ส่วนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงกระตุ้นให้นักลงทุนมั่นใจการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่แล้วทรงตัวอยู่ที่ 351,000 ราย สามารถรักษาระดับไว้ได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และตัวเลขตลาดบ้านก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามความกังวลจากทางฝั่งยุโรปทำให้ตลาดยังปรับขึ้นได้ไม่มากนัก โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองยังคงเป็นปัญหาหนี้ยุโรป การปล่อยสภาพคล่องเพิ่มเติมของประเทศตะวันตก และความยั่งยืนของเศรษฐกิจสหรัฐตามเดิม
ทางฝั่งตลาดหุ้นเอเชียนั้นกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะเอเชีย แม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากฝั่งยุโรปบ้างแต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมรวมถึงการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองธนาคารพาณิชย์จีน ช่วยให้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องต่างชาติเข้ามาสะสมหุ้นแล้วกว่า 5 หมื่นล้านบาท หนุนดัชนี SETI ปิดที่1,146.14 จุด (+1.43% WoW) แต่ต้องระวังการขายทำกำไรระยะสั้นของต่างชาติไว้ด้วย
สำหรับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งราคาทองคำ และราคาน้ำมัน ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันปิดที่ 109.77 US$/bbl. (+6.33% WoW) โดยมีปัจจัยความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตก ทำให้เกิดความกังวลต่ออุปทานน้ำมัน ขณะที่ราคาทองคำก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นผ่านแนวต้านที่ 1,750 US$/oz. ไปได้ บนคาดการณ์ที่หลายประเทศมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสภาพคล่องเข้ามาอีกและความเสี่ยงที่ปัญหาหนี้ยุโรปยังไม่จบ ราคาทองคำสัปดาห์นี้ปิดที่ 1,780.74 US$/oz. (+3.42% WoW)
อย่างไรก็ตามสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังคงปรับเพิ่มความชันขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพันธบัตรระยะสั้นอายุ 6 เดือน อัตราผลตอบแทนทรงตัวใกล้เคียงเดิม +1Bps. เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 1 ปี ที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +1 Bps.ขณะที่พันธบัตรอายุ 5 ปี และ 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้น +6 Bps. ทั้งคู่สัปดาห์นี้เราคาดว่าจะยังคงเห็นการปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในทิศทางเดิม แบบค่อยเป็นค่อยไป