xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้ขาย2กองลงทุนหุ้น-บอนด์รับยิลด์สู้ดอกเบี้ย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ทิสโก้ ขาย 2 กองทุนใหม่ เสนอทางเลือกลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ ต่างประเทศ รับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ไอพีโอ 15-21 กุมภาพันธ์นี้

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ. ทิสโก้ ได้เปิดเสนอขายกองทุนใหม่ 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 1F กองทุนรวมผสมแบบกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารแห่งทุน (หุ้น) ไม่เกิน 25% โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารแห่งหนี้และ/หรือเงินฝากในประเทศและ/หรือต่างประเทศ และที่เหลือจะลงทุนในหุ้นเอเชียแปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ไม่เกิน 25% ผ่านกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia Pacific ex Japan โดยมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี หรือสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 5 %โดยจะเสนอขายครั้งเดียว (ไอพีโอ) ตั้งแต่ 15 - 22 กุมภาพันธ์ 2555

กองทุนที่สอง กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้โรลโอเวอร์ 3M1 ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งหนี้และ/หรือเงินฝากที่เสนอขายในประเทศและ/หรือต่างประเทศ โดยกองทุนอาจพิจารณาลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน โดยในกรณีที่มีการลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน กองทุนดังกล่าวจะเปิดซื้อ-ขายทุก ๆ 3 เดือน เสนอขายครั้งแรก (ไอพีโอ) ตั้งแต่ 15 - 21 กุมภาพันธ์ 2555

ทั้งนี้ ทั้งสองกองทุน มีมูลค่าโครงการกองทุนละ 1,000 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อขั้นต่ำ 20,000 บาท

TISCO Wealth ซึ่งเป็นบริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนอย่างครบวงจรของกลุ่มทิสโก้ มองว่า การลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ ในช่วงนี้นับเป็นทางเลือกที่ดีในยุคที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในขาลง เนื่องจากจะเป็นส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินธนาคาร สำหรับการแข่งขันด้านเงินฝากของธนาคารต่างๆ จะเริ่มมีการชะลอตัวลง และอาจได้เห็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและตั๋วแลกเงินที่มีระยะเวลา 3 - 6 เดือน อยู่ที่ประมาณ 3% ซึ่งต่ำกว่าปี 2554 เล็กน้อย เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลง เช่นเดียวกับแนวโน้มต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นจากการถูกตัดเงินเข้าสมทบในกองทุนฟื้นฟู เพื่อจ่ายดอกเบี้ยของกองทุน ทำให้สถาบันการเงินจึงระมัดระวังในการออกผลิตภัณฑ์ในช่วงนี้

สำหรับภาพการลงทุนโดยรวมในตลาดหุ้น คาดว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) มีแนวโน้มดีกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยคาดว่าจีดีพีของภูมิภาคเอเชียในปี 2555 จะขยายตัว 6-7% ซึ่งมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และยุโรป ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพียง 2% และ -1.8% ตามลำดับ ขณะที่ราคาหุ้น Underperform ตลาดภูมิภาคอื่น โดย trade ที่ valuation ที่ต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต โดย trade ที่ forward P/E ปี 2555 ที่ 10.2 เท่า จึงเป็นแรงจูงใจอีกประการหนึ่งที่จะดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคนี้ในที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น