xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการกองทุนฟันธง ปี2012หุ้นไทยยังสดใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชื่อว่าหลายคนกำลังประเมินภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในปีนี้กันอย่างเข้มข้น หลังจากปีที่ผ่านมาปัจจัยภายนอกอย่าง ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ค่อนข้างเชื่องช้า ในขณะที่ปัญหาภายในประเทศอย่างอุทกภัยช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีก็เป็นปัจจัยลบที่ทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็ยังดำเนินมาถึงต้นปี 2555 เช่นกัน แต่ทว่านักวิเคราะห์หลายค่ายก็ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยและหุ้นไทย ยังสดใส และมีโอกาสไปต่อได้

เริ่มกันที่ ธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2555 นี้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังต้องเผชิญกับความท้าทาย จากปัญหาหนี้ในยุโรปที่ยังต้องได้รับการแก้ไข และการฟื้นตัวอย่างเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกในปีนี้ยังคงมีความผันผวนอยู่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดหุ้นยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นหลังจากที่ได้ ผ่านจุดต่ำสุดในปีที่ผ่านมาแล้ว และปัจจุบันดัชนีหุ้นทั่วโลกโดยส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่ถูกมาก รวมถึงตลาดหุ้นไทย

สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในแบบที่ความเสี่ยงไม่สูงมากนัก แต่ยังคงต้องการแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงิน จึงควรหาจังหวะในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นบ้าง ในช่วงที่ราคาหุ้นยังถูกอยู่ โดยเฉพาะในหุ้นที่มีพื้นฐานดี นอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว
 ส่วนตลาดหุ้นไทยนับเป็นหนึ่งตลาดที่น่าลงทุน เนื่องจากพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจที่ยังคงแข็งแกร่ง ประกอบกับภาครัฐและเอกชนมีโครงการจะลงทุนเพื่อฟื้นฟูในช่วงหลังน้ำท่วม และนโยบายการกระตุ้นการบริโภคและการลดภาษีนิติบุคคล ขณะที่ดอกเบี้ยกลับมีแนวโน้มลดลงทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทปรับลดลง ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยเพิ่ม Upside ให้หุ้นไทยประมาณ 15-20%

"เป้าหมาย SET Index ที่ทาง TISCO Wealth มองในปีนี้อยู่ที่ 1,150 -1,200 จุด และ PE อยู่ที่ 12.5 เท่า"

ทางด้านจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) มองว่า แนวโน้มการลงทุนในตราสารหนี้ในปี 2555 นั้น กนง. จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีกประมาณ 0.25% ภายในไตรมาสแรกของปี 2555 และน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับดังกล่าวตลอดทั้งปี 2555 ภายหลังจากที่ กนง. มีการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2554 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นการปรับลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี2554 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำไปถึงกลางปี 2556 และคาดการณ์ดอกเบี้ยในยุโรปจะมีโอกาสปรับลดลงมาอีกอย่างน้อย 0.50% จากปัญหาวิกฤติหนี้ในยุโรป คาดว่าจะส่งผลให้เงินทุนระยะยาวจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในพันธบัตรของไทย เพิ่มมากขึ้น

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในหุ้น คาดว่าตลาดหุ้นไทยในปี 2555 อาจมีความผันผวนตามภาวะตลาดโลก แต่โดยรวมแล้วมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของไทยและ เงินทุนต่างชาติที่คาดว่าจะไหลกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ภายหลังจากที่นักลงทุนต่างชาติได้มีการลดน้ำหนักการลงทุนในก่อนหน้าเพื่อลด ความเสี่ยงจากวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินโลกในช่วงปี2554 ซึ่งหากพิจารณาจากมูลค่าของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันที่มีค่า PER ของปี 2555 ต่ำกว่า 10 เท่า โดยจัดอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นอันดับที่ 3 ในเอเชียยกเว้นญี่ปุ่น

ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดหุ้นที่มีส่วนผสมที่ดี เนื่องจากมีทั้งหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ได้แก่ น้ำมัน และ ปิโตรเคมี และหุ้นที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศ ได้แก่ ธนาคาร สื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ และ ค้าปลีก ดังนั้น ไม่ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไรตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดหุ้นหนึ่ง ที่น่าสนใจในสายตานักลงทุนต่างประเทศ

ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตได้ประมาณ 15% จากปี 2554 ถึงแม้ว่า ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจชะลอตัวอาจทำให้การคาดการณ์ดังกล่าวมีความเสี่ยงที่ จะสูงเกินจริง อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปี 2555 ยังคงมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ หากประเมินถึงผลประโยชน์จากการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลที่รัฐบาลประกาศว่าจะ เริ่มต้นนโยบายดังกล่าวในปีนี้ โดยจะลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงจาก 30% เหลือ 23% นโยบายดังกล่าวคาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรสุทธิให้กับบริษัทจดทะเบียนได้ประมาณ 6% แต่หากภาคเอกชนมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนขั้นต่ำตามนโยบายของ รัฐบาลก็จะส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนลดลงประมาณ 2% ดังนั้น โดยรวมแล้ว ปี 2555 ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนยังคงมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้จากการคาดการณ์ใน ปัจจุบันอีกประมาณ 4% ซึ่งถือว่าช่วยลดความเสี่ยงจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจชะลอตัวลงได้ระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตามภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีนี้คาดว่ายังน่าลงทุน จากมาตรการภาครัฐและการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบ โตขึ้น การขยายตัวของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่ยังโตต่อเนื่อง และมูลค่าหุ้นที่ถูกจะเป็นสิ่งจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติยังคงให้ความสนใจใน ตลาดหุ้นไทย โดยปัจจัยเสี่ยงยังคงมาจากภายนอกประเทศ ทั้งปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศกลุ่มยูโรและปัญหาการดำเนินนโยบายการคลังของ สหรัฐฯ

การลงทุนในปี 2555 เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนมองหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) จากการลงทุนทั้งในตราสารหนี้และหุ้น โดยเฉพาะการหาโอกาสที่จะเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศใน ภูมิภาคเอเชียซึ่งนับเป็นปีที่ดีสำหรับการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ดัง กล่าว ส่วนการลงทุนในประเทศนั้นแนะนำการลงทุนในกองทุนที่มีความยืดหยุ่นในการลงทุน ระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ และมีการปรับสัดส่วนการลงทุนอย่างสมดุล (Portfolio Rebalancing) ให้เหมาะสมกับสภาพการลงทุนในขณะนั้น กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ ที่คาดว่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนที่มีความผันผวนในปีนี้ ส่วนสำคัญที่นักลงทุนจะต้องนำมาประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนคือ การเน้นการลงทุนที่สามารถปรับเปลี่ยนและตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์การ ลงทุนในแต่ละช่วงเวลา ควบคู่ไปพร้อมกับการพิจารณากรอบการควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสม
กำลังโหลดความคิดเห็น