โบรกเกอร์กองทุนรวม ประเมินภาพรวมทองคำ และหุ้นยังผันผวนต่อเนื่อง หลังปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐฯและปัญหาหนี้ยุโรปยังไม่คลี่คลาย ขณะที่จีนยังไม่มีมาตรการบวกออกมาให้เห็น แนะนักลงทุนทยอยสะสมได้แต่ต้องระมัดระวังมากขึ้น
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาหนี้ยุโรปยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดจับตามองอยู่ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงยังคงผันผวน แต่หากมองถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เป็นปัจจัยบวกที่ตลาดเริ่มกลับมาให้ความสนใจในช่วงครึ่งหลังของเดือน
ขณะที่สถานการณ์ทางฝั่งยุโรปไม่มีความคืบหน้าใหม่ๆ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามตลาดจะกลับมาให้ความสำคัญกับความเสี่ยงปัญหาหนี้ยุโรปอีกครั้ง เร็วๆ นี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลียังอยู่ในระดับสูงราว 7% ซึ่งเป็นระดับที่หลายประเทศในยุโรปต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนต่อความยากลำบากในการกู้ยืมเงินของอิตาลี
ส่วนราคาทองคำปรับลดลงแรงในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง และทำให้แนวโน้มราคาทองคำในระยะสั้น - กลาง ดูไม่ค่อยดีนัก ต้นปี 2555 เรายังกังวลความผันผวนของราคาทองคำ แต่หากมองในระยะยาวแล้วเชื่อว่าราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นอยู่ จากปัญหาวิกฤติหนี้ยุโรปที่ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา และคาดหมายมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องต่างๆ จะทำให้ดอลล่าร์สหรัฐอ่อนค่าลง หลังจากที่นักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานมากกว่ากลัวความเสี่ยง
นายสานุพงศ์ มองว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงมีโอกาสปรับตัวลดลงอีกในการประชุม กนง. ครั้งหน้า จากผลกระทบน้ำท่วม และปัญหาหนี้ยุโรป และเงินเฟ้อไม่ได้เป็นปัญหา อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ยังคงมีแนวโน้มปรับลดลงต่อ ส่งผลดีต่อกองทุนตราสารหนี้ที่มี Duration ยาว เราจึงยังคงน้ำหนักการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่อไป ขณะที่ในช่วงต้นปี เราคาดว่าสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสผันผวนจากปัญหาหนี้ยุโรป โดยมีหนี้จำนวนมากต้องทำการ Refinance ในปีนี้ ดังนั้นแนะนำให้ถือเงินสดไว้ก่อนสำหรับเงินก้อนใหม่ หรือลงทุนใน Money Market Fund เพื่อรอจังหวะที่จะสะสมสินทรัพย์เสี่ยงเมื่อราคาปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตามในปี 2555 คาดว่าตลาดหุ้นผันผวนแรงจากปัญหาหนี้ยุโรป แต่มองเป็นโอกาสสะสมกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ในราคาถูกเราเชื่อว่าความเสี่ยงจากปัญหาหนี้ยุโรปจะกลับมาสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้งในปี 2555 ทำให้บดบังปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตามความผันผวนที่เกิดขึ้นจะสร้างโอกาสที่นักลงทุนจะได้ทยอยสะสมกองทุนหุ้นในราคาถูก โดยเรายังคงเน้นไปยังกองทุนกลุ่มที่เน้นลงทุนในตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก ขณะที่กองทุนหุ้นไทยเราแนะนำให้ชะลอดูสถานการณ์ โดยเราเป็นห่วงช่วงต้นปีอาจเห็นการปรับตัวลดลงของ SET เนื่องจากคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงหนี้ยุโรป และแรงขายกองทุน LTF
ส่วนราคาทองคำระยะสั้นแนวโน้มเป็นขาลง และมีโอกาสปรับฐานในระยะกลาง ทำให้การลงทุนในกองทุนทองคำ ตอนนี้มีความเสี่ยงในระยะสั้น แต่หากมองในระยะยาวเชื่อว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ประกอบกับปัจจัยต่างๆ ที่ยังคงสนับสนุนจากปัญหาหนี้ยุโรปที่ไม่คิดว่าจะจบลงง่ายๆ และต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา และคาดการณ์มาตรการ QE จากทั้งยุโรปและสหรัฐ จะทำให้ค่าเงินดอลล่าร์จะอ่อนค่าลงในระยะยาว ขณะที่ราคาน้ำในแนวโน้มมีโอกาสขึ้นต่อ แต่ราคาน้ำมันเกินระดับ 100 US$/bbl. เริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อน
"อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังมีโอกาสปรับตัวลดลง ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง ทำให้เรายังคง Overweight ต่อไป ส่วนตลาดหุ้นระยะสั้นยังคงมีโอกาสผันผวน โดยเฉพาะยุโรปที่มีความเสี่ยงปัญหาหนี้ แต่เราคาดหวังมาตรการต่างๆ รวมถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงินของจีนในปีนี้ ขณะที่กองทุนทองคำระยะสั้นแนวโน้มไม่ดีนักมีโอกาสปรับตัวลงลึก แต่ระยะยาวยังมองเป็นขาขึ้นต่อ ดังนั้นเราแนะนำชะลอดูสถานการณ์ต่อไป ขณะที่ราคาน้ำมันสูงมากแล้วเราจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยง" นายสานุพงศ์กล่าว