ASTVผู้จัดการรายวัน - นักวิเคราะห์ ชี้ ทิศทาง บจ.ยังจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 54 ดีอยู่ แม้ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ด้านเลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์ คาดสูงกว่าครึ่งปีแรกจ่าย 1.1 แสนล้านบาท บล.เอเซีย พลัส แนะช่วงกลาง ม.ค.เข้าซื้อเก็งกำไร หลังศึกษาย้อนหลัง 7 ปี ผลให้ผลตอบแทนสูง หุ้นขนาดใหญ่ยิลด์ 2.4-3.9% - หุ้นขนาดเล็กยิลด์ 9.1%
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนในงวดครึ่งปีหลัง 2554 คาดว่า จะออกมามากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่จ่ายแล้ว จำนวน 126 บริษัท มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท เพราะหลายบริษัทมีนโยบายการจ่ายเพียงครั้งเดียวไม่มีระหว่างการ แต่เม็ดเงินที่จะจ่ายในช่วงงวดครึ่งปีหลังจะออกมาสูงกว่าในช่วงครึ่งหลังปีก่อนที่มีการจ่าย 2 แสนล้านบาทหรือไม่นั้น ยังต้องติดตามในเรื่องของผลกระทบน้ำท่วมของบริษัทที่ได้รับความเสียหายทางตรง ว่า จะได้รับเงินประกันค่าเสียหายเข้าหรือยัง และมีการบันทึกบัญชีอย่างไร และบริษัทที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจะมีผลต่อกำไรบริษัทอย่างไร ซึ่งจะมีผลต่อการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน
“ปกติในช่วงงวดครึ่งปีหลังจะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งปีแรก โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา บจ.มีการจ่ายเงินปันผลปีละ 3 แสนล้านบาท ซึ่งครึ่งแรกงวดปี 54 จ่ายแล้ว 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังเม็ดเงินจะมากกว่าครึ่งแรก แต่จากผลกระทบน้ำท่วมที่เกิดขึ้นนั้นมีผลต่อกำไรของบริษัทที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ซึ่งจับตาว่าจะมีการได้รับชดเชยจากประกันได้งวดสิ้นปีหรือไม่ และวิธีการบันทึกบัญชีจะเป็นอย่างไร ทำให้ตอบยากว่าจะสูงกว่าปีก่อนหรือไม่” นายสมบัติ กล่าว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า บจ.มีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลที่ดีอยู่คาดว่าปีหนี้บริษัทที่จ่ายเงินปันผลน่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ บจ.มีการจ่ายจำนวน 411 บริษัท ซึ่งครึ่งปีแรกมีการจ่ายออกมาแล้วจำนวน 190 บริษัท แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่บริษัทส่วนใหญ่ยังสามารถจ่ายปันผลได้ ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้จะอยู่ที่ 3-3.5%
“การจ่ายปันผลของบจ.ปี 51 มีการจ่ายจำนวน 364 บริษัท ปี 52 บจ.จ่ายจำนวน 377 บริษัท ปี 53 จำนวน บจ.จ่ายปันผลจำนวน 411 บริษัท ซึ่งคาดว่า ปี 54 จำนวน บจ.จ่ายเงินปันผล คาดว่า จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากครึ่งปีแรกมีการจ่ายมาแล้ว 190 บริษัท” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ทาง บล.คาดแนวโน้มการลงทุนในช่วง 1-2 เดือนแรก ปี 2555 ยังคงมีความผันผวนมาก จากปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปที่ยังอยู่ในช่วงของการหามาตรการเยียวยารักษาและเม็ดเงินจากกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดขายต้นปี 2555 กว่า 2.28 หมื่นล้านบาท ที่มีต้นทุนเพียง 577 จุด และคาดว่า จะเข้ากดดันตลาดหุ้นในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกของปี
ดังนั้น บริษัทจึงแนะนำนักลงทุนลงทุนในหุ้นปันผลน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากใกล้ฤดูกาลปันผลของผลประกอบการปี 2554 โดยนักลงทุนในหุ้นปันผลที่ดีที่สุด ในหุ้นขนาดใหญ่ควรซื้อก่อนขึ้น XD 1-2 สัปดาห์ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.4-3.9% เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นหุ้นนำดัชนี ซึ่งราคาหุ้นมักจะผันผวนตามภาวะตลาดการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากปันผลจึงควรลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก ควรซื้อในช่วงที่หุ้นยาวกว่า คือ ก่อนวันขึ้น XD รวม 2 เดือน และขายหลัง XD 2 เดือน จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 9.1% โดยหุ้นปันผลเด่นขนาดใหญ่บริษัทแนะนำ คือ RATCH CPF, ADVANC, SCC หุ้นปันผลเด่นขนาดกลางและเล็กบริษัทแนะนำ คือ SIRI, TMT, SC, TTW และ SMIT ซึ่งส่วนตัวมองว่าในช่วงกลางเดือนมกราคม นี้ นักลงทุนควรเข้าไปลงทุนเพื่อเก็งกำไรได้แล้ว
ทั้งนี้ จากการศึกษาหุ้นปันผลที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ใหญ่ พบว่า มีจำนวน 15 บริษัท ได้แก่ ADVANC, BANPU, SCC, SCCC, CPF, TUF, KTB, PTTCH, GLOW MAKRO, BEC, RATCH, DATC, TCAP และ PTTAR โดยหุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดเมื่อซื้อก่อน XD 2 เดือน และขายในช่วงหลัง XD ราว 1-2 เดือน โดยจากการศึกษาข้อมูลในช่วง 7 ปี ย้อนหลัง พบว่า ให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยอยุ่ที่ 6.5-7.8% ทั้งนี้ โอกาสที่จะเกิดซ้ำรอยสูงถึง 70% อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ทางเลือกโดยการซื้อหุ้นปันผลที่ระยะเวลาสั้นลง คือ ซื้อก่อนขึ้น XD เพียง 2 สัปดาห์ และขายหลังขึ้น XD1-2 สัปดาห์ ก็สามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจในระดับรองลงมาได้ หากเปรียบเทียบผลตอบแทนต่อระยะเวลาในการลงทุนแล้ว กลยุทธ์การลงทุนสำหรับหุ้นกลุ่มนี้ คือ ซื้อก่อนวัน XD 1-2 สัปดาห์ และขายหลัง XD 2 สัปดาห์ จะเหมาะสมที่สุดและเมื่อพิจารณาข้อมูลในอดีต ประกอบกับการคาดการณ์เงินปันผลที่กำลังจะจ่าย ฝ่ายวิจัยคาดว่า RATCH CPALL ADVANC SCC เป็นหุ้นที่น่าสนในลงทุนที่สุดในกลุ่มนี้
สำหรับหุ้นปันผลสูงขนาดกลางและ เล็ก พบว่า 36 บริษัท ได้แก่ TMT, PF, SC, MK, NOBLE, LPN, MCS, GFPT, ROJANA, SMIT, SAT, STANLY, AP, CPI TICON, NTV ROBINS, QH, PSL, HANA, BCP, KK TVO, DCC, LPN, SPALI, UVAN, EASTW, UMS, UPOIC TTW, TISCO, PRIN, THRE,SIRI และ TK โดยหุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนดีที่สุด ในลักษณะเดียวกับหุ้นขนาดใหญ่ แต่จะให้ผลตอบแทนรวมและโอกาสในการเกิดเหตุการณ์นี้สูงกว่า คือ ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยสูงประมาณ 9-9.42%
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำรอยสูงกว่า 70% อย่างไรก็ตาม การซื้อหุ้นกลุ่มนี้ก่อนขึ้น XD 2 สัปดาห์ และขายหลังขึ้นเครื่องหมาย XD รวม 1-2 สัปดาห์ จะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าการซื้อขายในช่วงที่ยาวกว่าก่อนข้างมา ดังนั้นการลงทุนที่เหมาะสมหุ้นกลุ่มนี้ คือ ควรลงทุนก่อนขึ้น XD 2 เดือน และ ขายหลัง XD ประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมที่สุด โดยมี SIRI TMT SC TTW SMIT
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนในงวดครึ่งปีหลัง 2554 คาดว่า จะออกมามากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่จ่ายแล้ว จำนวน 126 บริษัท มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท เพราะหลายบริษัทมีนโยบายการจ่ายเพียงครั้งเดียวไม่มีระหว่างการ แต่เม็ดเงินที่จะจ่ายในช่วงงวดครึ่งปีหลังจะออกมาสูงกว่าในช่วงครึ่งหลังปีก่อนที่มีการจ่าย 2 แสนล้านบาทหรือไม่นั้น ยังต้องติดตามในเรื่องของผลกระทบน้ำท่วมของบริษัทที่ได้รับความเสียหายทางตรง ว่า จะได้รับเงินประกันค่าเสียหายเข้าหรือยัง และมีการบันทึกบัญชีอย่างไร และบริษัทที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมจะมีผลต่อกำไรบริษัทอย่างไร ซึ่งจะมีผลต่อการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน
“ปกติในช่วงงวดครึ่งปีหลังจะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งปีแรก โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา บจ.มีการจ่ายเงินปันผลปีละ 3 แสนล้านบาท ซึ่งครึ่งแรกงวดปี 54 จ่ายแล้ว 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังเม็ดเงินจะมากกว่าครึ่งแรก แต่จากผลกระทบน้ำท่วมที่เกิดขึ้นนั้นมีผลต่อกำไรของบริษัทที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ซึ่งจับตาว่าจะมีการได้รับชดเชยจากประกันได้งวดสิ้นปีหรือไม่ และวิธีการบันทึกบัญชีจะเป็นอย่างไร ทำให้ตอบยากว่าจะสูงกว่าปีก่อนหรือไม่” นายสมบัติ กล่าว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า บจ.มีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลที่ดีอยู่คาดว่าปีหนี้บริษัทที่จ่ายเงินปันผลน่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ บจ.มีการจ่ายจำนวน 411 บริษัท ซึ่งครึ่งปีแรกมีการจ่ายออกมาแล้วจำนวน 190 บริษัท แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่บริษัทส่วนใหญ่ยังสามารถจ่ายปันผลได้ ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้จะอยู่ที่ 3-3.5%
“การจ่ายปันผลของบจ.ปี 51 มีการจ่ายจำนวน 364 บริษัท ปี 52 บจ.จ่ายจำนวน 377 บริษัท ปี 53 จำนวน บจ.จ่ายปันผลจำนวน 411 บริษัท ซึ่งคาดว่า ปี 54 จำนวน บจ.จ่ายเงินปันผล คาดว่า จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากครึ่งปีแรกมีการจ่ายมาแล้ว 190 บริษัท” นายเทิดศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ทาง บล.คาดแนวโน้มการลงทุนในช่วง 1-2 เดือนแรก ปี 2555 ยังคงมีความผันผวนมาก จากปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปที่ยังอยู่ในช่วงของการหามาตรการเยียวยารักษาและเม็ดเงินจากกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดขายต้นปี 2555 กว่า 2.28 หมื่นล้านบาท ที่มีต้นทุนเพียง 577 จุด และคาดว่า จะเข้ากดดันตลาดหุ้นในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกของปี
ดังนั้น บริษัทจึงแนะนำนักลงทุนลงทุนในหุ้นปันผลน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากใกล้ฤดูกาลปันผลของผลประกอบการปี 2554 โดยนักลงทุนในหุ้นปันผลที่ดีที่สุด ในหุ้นขนาดใหญ่ควรซื้อก่อนขึ้น XD 1-2 สัปดาห์ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.4-3.9% เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นหุ้นนำดัชนี ซึ่งราคาหุ้นมักจะผันผวนตามภาวะตลาดการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากปันผลจึงควรลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก ควรซื้อในช่วงที่หุ้นยาวกว่า คือ ก่อนวันขึ้น XD รวม 2 เดือน และขายหลัง XD 2 เดือน จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 9.1% โดยหุ้นปันผลเด่นขนาดใหญ่บริษัทแนะนำ คือ RATCH CPF, ADVANC, SCC หุ้นปันผลเด่นขนาดกลางและเล็กบริษัทแนะนำ คือ SIRI, TMT, SC, TTW และ SMIT ซึ่งส่วนตัวมองว่าในช่วงกลางเดือนมกราคม นี้ นักลงทุนควรเข้าไปลงทุนเพื่อเก็งกำไรได้แล้ว
ทั้งนี้ จากการศึกษาหุ้นปันผลที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ใหญ่ พบว่า มีจำนวน 15 บริษัท ได้แก่ ADVANC, BANPU, SCC, SCCC, CPF, TUF, KTB, PTTCH, GLOW MAKRO, BEC, RATCH, DATC, TCAP และ PTTAR โดยหุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดเมื่อซื้อก่อน XD 2 เดือน และขายในช่วงหลัง XD ราว 1-2 เดือน โดยจากการศึกษาข้อมูลในช่วง 7 ปี ย้อนหลัง พบว่า ให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยอยุ่ที่ 6.5-7.8% ทั้งนี้ โอกาสที่จะเกิดซ้ำรอยสูงถึง 70% อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ทางเลือกโดยการซื้อหุ้นปันผลที่ระยะเวลาสั้นลง คือ ซื้อก่อนขึ้น XD เพียง 2 สัปดาห์ และขายหลังขึ้น XD1-2 สัปดาห์ ก็สามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจในระดับรองลงมาได้ หากเปรียบเทียบผลตอบแทนต่อระยะเวลาในการลงทุนแล้ว กลยุทธ์การลงทุนสำหรับหุ้นกลุ่มนี้ คือ ซื้อก่อนวัน XD 1-2 สัปดาห์ และขายหลัง XD 2 สัปดาห์ จะเหมาะสมที่สุดและเมื่อพิจารณาข้อมูลในอดีต ประกอบกับการคาดการณ์เงินปันผลที่กำลังจะจ่าย ฝ่ายวิจัยคาดว่า RATCH CPALL ADVANC SCC เป็นหุ้นที่น่าสนในลงทุนที่สุดในกลุ่มนี้
สำหรับหุ้นปันผลสูงขนาดกลางและ เล็ก พบว่า 36 บริษัท ได้แก่ TMT, PF, SC, MK, NOBLE, LPN, MCS, GFPT, ROJANA, SMIT, SAT, STANLY, AP, CPI TICON, NTV ROBINS, QH, PSL, HANA, BCP, KK TVO, DCC, LPN, SPALI, UVAN, EASTW, UMS, UPOIC TTW, TISCO, PRIN, THRE,SIRI และ TK โดยหุ้นกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนดีที่สุด ในลักษณะเดียวกับหุ้นขนาดใหญ่ แต่จะให้ผลตอบแทนรวมและโอกาสในการเกิดเหตุการณ์นี้สูงกว่า คือ ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยสูงประมาณ 9-9.42%
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะกลาง มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำรอยสูงกว่า 70% อย่างไรก็ตาม การซื้อหุ้นกลุ่มนี้ก่อนขึ้น XD 2 สัปดาห์ และขายหลังขึ้นเครื่องหมาย XD รวม 1-2 สัปดาห์ จะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าการซื้อขายในช่วงที่ยาวกว่าก่อนข้างมา ดังนั้นการลงทุนที่เหมาะสมหุ้นกลุ่มนี้ คือ ควรลงทุนก่อนขึ้น XD 2 เดือน และ ขายหลัง XD ประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมที่สุด โดยมี SIRI TMT SC TTW SMIT