ตลท.มั่นใจปีหน้า “ต่างชาติ” กลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะมีแรงจูงใจสำคัญ ทั้งด้านราคาต่ำ และผลตอบแทนปันผลสูง ส่วนโค้งสุดท้ายปี 54 ขึ้นกับปัจจัยนอก ยอมรับ เดือน ธ.ค.ต่างชาติหันกลับมาซื้อสุทธิ หลังจากขายต่อเนื่องยาว 11 เดือน พร้อมระบุ 30 บจ.ได้รับผลกระทบน้ำท่วม อย่างมีนัยสำคัญ
นางเทียนทิพ สุพานิช ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปี 2555 โดยมองว่า ตลาดหุ้นไทยยังน่าจะได้รับความนิยมต่อเนื่อง เพราะว่า forword P/E Ratio ยังต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ประกอบกับตลาดหุ้นยุโรปยังไม่ฟื้น จึงคาดว่า เงินทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) จะกลับเข้ามาในไทย เพราะมีแรงจูงใจราคาหุ้นที่ยังต่ำ
โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2554 ต่างชาติกลับเข้ามาซื้อ โดยมีจำนวนซื้อสุทธิ 9.3 พันล้านบาท จากในช่วง 11 เดือนแรกที่ผ่านมาต่างชาติ ขายสุทธิ 1.7 หมื่นล้านบาท แสดงให้เห็นสัญญาณการกลับเข้ามาลงทุนของต่างชาติ และเชื่อว่า จากนี้ไปน่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดหุ้นไทยขึ้นกับเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ โดยเฉพาะปัจจัยปัญหาหนี้ของประเทศแถบยูโรโซน เพราะสัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนยุโรปคิดเป็น 40% ของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย รองลงมาเป็นสิงคโปร์ และสหรัฐฯ เป็นอันดับที่สาม ส่วนที่เหลือเป็นนักลงทุนเอเชีย
“การที่นักลงทุนยุโรปมีสัดส่วนสูง และหากปัญหาหนี้ในยุโรปยังไม่คลี่คลายในเร็วๆ นี้ ก็คงจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อตลาดหุ้น แต่ในแง่พื้นฐานราคาหุ้นไทยยังมีราคาถูก ขณะเดียวกัน ปัจจัยในประเทศก็ถือเป็นสิ่งสำคัญในเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจในปีหน้า การที่รัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้อย่างไร และความต่อเนื่องของนโยบาย บวกกับแผนการลงทุนระยะยาวของไทย”
ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/2554 น่าจะถูกกระทบจากภาวะน้ำท่วม ตลท.ประเมินว่า มีบริษัทได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมกว่า 100 บริษัท แบ่งเป็น 30 บริษัทที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ คิดเป็นมูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ประมาณ 1.28% และอีก 85 บริษัทถูกผลกระทบอย่างไม่มีนัยสำคัญ ซึ่งมีมาร์เก็ตแคป 34.5%