เซเว่นฯ ลั่นเต็มสูบรับปีใหม่ ไม่หวั่นน้ำท่วม โตสวนกระแส

เผยร้าน 7-11 โดนน้ำท่วมกว่า 700 สาขา ยังปิดอีกกว่า 250 สาขา ประกาศพร้อมกลับมาให้บริการสมบูรณ์แบบก่อนปีใหม่ เล็งหามาตรการซอฟต์โลนเยียวยาแฟรนไชส์ ชี้น้ำท่วมไม่กระทบยอดขาย แจงดิ้นรนหาทางแก้ปัญหาได้ดี มั่นใจแบรนด์อยู่ในใจ หนุนโตสวนกระแส ยอดแฟรนไชส์พุ่งตามเป้า

นายบัญญัติ คำนูญวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น” (7-11) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วม สาขาร้าน 7-11 ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั้งหมด ประมาณ 700 สาขา จากทั้งหมดประมาณ 6,000 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งถึงประมาณสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน 2554 ยังเหลือสาขาที่ยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ประมาณ 250 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ ในเขตน้ำท่วมขัง

ขณะที่ศูนย์กระจายสินค้าของ 7-11 ที่มีอยู่ 5 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี สุวรรณภูมิ และบางบัวทอง มีเพียงศูนย์บางบัวทองเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมล้อมรอบ จนไม่สามารถขนถ่ายสินค้าเข้าและออกได้ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ปัจจุบันถือว่าคลี่คลายไปแล้ว โดยเริ่มกลับมากระจายสินค้าได้ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา

ในส่วนของปัญหาสินค้าที่เข้าวางจำหน่ายในร้าน 7-11 เกิดการขาดแคลนอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานั้น นายบัญญัติ ระบุว่า สาเหตุสำคัญมาจากบริษัทผู้ผลิตหลายราย ได้รับผลกระทบน้ำท่วมโรงงาน และเครื่องจักร จนไม่สามารถผลิตสินค้าได้ ประกอบกับความไม่สะดวกด้านการขนส่ง ทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ได้

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มน้ำท่วมที่ทุเลาลงเรื่อยๆ และการคมนาคมใกล้กลับสู่ภาวะปกติ ประกอบกับผู้ผลิตรายต่างๆ เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้ง ทำให้ขณะนี้ ความสมบูรณ์ภายในร้าน 7-11 กลับมาอยู่ระดับ 70-80% แล้ว และยืนยันว่า ภายในสิ้นปีนี้ (2554) ร้าน 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศ จะเปิดบริการได้ทั้งหมด มีสินค้าต่างๆ วางเต็มชั้นครบถ้วน และสามารถให้บริการลูกค้าได้สมบูรณ์แบบ 100%

ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเจ้าดัง เผยด้วยว่า ในส่วนมาตรการช่วยเหลือแฟรนไชส์ 7-11 ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ทางบริษัทจะเข้าไปสนับสนุนในหลายๆ ด้าน เช่น ด้านการเงิน โดยประสานกับสถาบันการเงินต่างๆ ในการมีสินเชื่อซอฟต์โลนเพื่อซ่อมแซมปรับปรุงร้าน รวมถึง ปรับเงื่อนไขการทำธุรกิจให้มีความยืดหยุ่นมากที่สุด โดยจะให้ความสำคัญแก่ร้านแฟรนไชส์มาก่อนร้านที่บริหารโดยบริษัทเอง เพื่อช่วยให้สาขาของแฟรนไชส์สามารถกลับมาเปิดได้เร็วที่สุด

*** ลั่นน้ำท่วมไม่กระทบยอดขาย ***

นายบัญญัติ เผยด้วยว่า แม้จะเกิดวิกฤตน้ำท่วมขึ้น แต่โดยภาพรวมแล้ว การเติบโตของแฟรนไชส์ 7-11 ยังเป็นไปตามเป้าเดิมที่วางไว้ คือ แฟรนไชส์ขยายตัวในอัตรา 3% ต่อปีเช่นเดิม ผลประกอบการบริษัทกว่า 1 แสนล้านบาท เนื่องจากผู้บริหารของ 7-11 ได้พยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทุกรูปแบบ เพื่อให้ร้าน 7-11 สามารถเปิดบริการตามปกติมากที่สุด เช่น จัดหารถขนาดใหญ่ เพื่อขนสินค้าถึงสาขาพื้นที่น้ำท่วม เปิดศูนย์กระจายสินค้าย่อยกว่า 100 แห่ง ทั่วประเทศ รวมถึง หาผู้ผลิตรายใหม่ทดแทนรายที่ถูกน้ำท่วม เป็นต้น

นอกจากนั้น ด้วยยอดขายสะสมของร้าน 7-11 นับตั้งแต่ต้นปี อยู่ในระดับดีมาต่อเนื่อง รวมถึง สินค้าภายในร้าน 7-11 ล้วนแต่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้น แม้หลายสาขาต้องปิดบริการชั่วคราว แต่เมื่อเฉลี่ยโดยภาพรวมแล้ว ยอดขายของ 7-11 แทบจะไม่ลดลงจากเดิมเลย

ทั้งนี้ เป้าของแฟรนไชส์ 7-11 ในปีหน้า (2555) ยังคงอัตราเติบโตของแฟรนไชส์ซี่ไว้ที่ 3% ต่อปี หรือขยายเพิ่มประมาณ 500 สาขาต่อปี และขยายสาขาเพิ่มถึง 7,000 แห่งทั่วประเทศภายในปี .2556 ซึ่งเชื่อว่า สถานการณ์น้ำท่วมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนแฟรนไชส์ เนื่องจากแบรนด์ 7-11 อยู่ในใจของคนทั่วไปอยู่แล้ว ทำให้ช่วยเสริมความมั่นใจแก่ผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น

“ปีหน้า เศรษฐกิจโดยรวมอาจเข้าสู่ภาวะชะลอตัว แต่สำหรับแฟรนไชส์ 7-11 เชื่อว่า ไม่เกิดผลกระทบ เพราะในภาวะที่ผู้ลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่น หากจะเลือกลงทุนทำธุรกิจใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องการที่สุด คือ ความเชื่อมั่น และความเสี่ยงที่น้อยที่สุด ซึ่งแบรนด์ 7-11 ได้รับการยอมรับว่า อยู่ในใจของคนทั่วไปอยู่แล้ว อีกทั้ง มีการบริหารจัดการที่ดีเสมอมา ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้เชื่อว่า อัตราเติบโตจะยังคงเป็นไปตามเป้าที่วางไว้” นายบัญญัติ กล่าว