ASTVผู้จัดการรายวัน-นักวิเคราะห์กองทุนรวม แนะนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ทยอยเก็บหุ้นจีนเข้าพอร์ต หลังจีนคลายนโยบายการเงินในระยะต่อไปเพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจพร้อมชูกองทุน Aberdeen China Gateway Fund ของบลจ.อเบอร์ดีนน่าลงทุน
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าการประชุมสุดยอดจะผ่านพ้นไปได้ด้วยข้อตกลงร่วมกันในแนวทางการแก้ปัญหายุโรป แต่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงของแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปที่ยังคงขาดรายละเอียด และความเป็นไปได้ในการดำเนินการตามข้อตกลงในระยะยาว ซึ่งทำให้ตลาดเริ่มกลับมากังวลว่า จะเกิดการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกลุ่มประเทศในยูโรโซน ทำให้ความเสี่ยงจากภาวะวิกฤติหนี้ยุโรป ยังคงรบกวนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ระยะสั้นตลาดมีโอกาสผันผวนต่อเนื่อง ขณะที่เรายังคงคำแนะนำสำหรับนักลงทุนระยะยาว ให้ชะลอดูสถานการณ์ต่อไป และเริ่มเก็บสะสมเมื่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลดลง แนะนำให้น้ำหนักการลงทุนในกองทุนตลาดเกิดใหม่ (EmergingMarket) และกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ Global bond Fund ของ ธนชาต และ TMBAM และยังคงให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มกองทุนยุโรป และกลุ่มการเงิน (Financial sector funds)
นอกจากนี้เรายังแนะนำสะสมกองทุนหุ้นจีน โดยเราคาดหมายว่าจะได้เห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะถัดไป เพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน นอกจากนี้เรายังมองว่าราคาหุ้นจีนน่าสนใจ ด้วย P/E ระดับ 12เท่า และราคาได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว สำหรับกองทุนจีนเราแนะนำกองทุน Aberdeen China Gateway Fund: ABCG ของบลจ.อเบอร์ดีน ส่วนระยะสั้นความผันผวนสูง แนะนำ “เก็งกำไร” ขึ้นขายลงซื้อ และขายกองทุน K-OIL และ ASP-OIL ราคาไม่สามารถยืนเหนือ 100 US$/bbl. ได้ แนวโน้มแกว่งตัวกรอบ 96 - 102 US$/bbl.
สำหรับนักลงทุน LTF แม้ว่า SETI จะผ่านแนวต้านสำคัญ 1,000 จุดไปได้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง แต่เรายังคงกังวลต่อภาพการลงทุนในช่วงต้นปีหน้า จากผลกระทบจากน้ำท่วม และเศรษฐกิจโลก ทำให้เรายังคงคำแนะนำ KSDLTF (K-Strategic Defensive LTF)สำหรับการลงทุน LTF ในช่วงที่เหลือของปีนี้
อย่างไรก็ตามสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดรอดูผลการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปที่นักลงทุนต่างคาดหวังว่าจะเห็นพัฒนาการและแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจนหลังการประชุม และผลออกมาเป็นที่น่าพอใจเมื่อยุโรปได้ข้อตกลงร่วมกันในมาตรการรัดเข็มขัด และการเพิ่มทุนกองทุน IMFพร้อมตกลงใช้ ESM (European Stability Mechanism) เร็วขึ้น 1 ปี ซึ่งเป็นกองทุนถาวรใช้สำหรับช่วยเหลือยูโรโซน ซึ่งจะเปิดดำเนินการในเดือน ก.ค. 2012 เร็วขึ้น 1 ปี ขณะที่ยังคงใช้กองทุน EFSF ต่อไปตามเดิมจนถึงกลางปี 2013 ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นผลักดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ดัชนีหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในช่วงท้ายหลังจากดิ่งลงแรงก่อนการประชุมในวันศุกร์ที่ผ่าน
ขณะที่ทางฝั่งสหรัฐตัวเลขเศรษฐกิจยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ อัตราการว่างงานที่ลดลง และความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างไรก็ตามความเสี่ยงของยุโรปยังคงอยู่ เนื่องจากการประชุมที่ขาดรายละเอียดที่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามต่อความเป็นไปได้ในการดำเนินการตามข้อตกลงในระยะยาว ซึ่งสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือหลายแห่งยังกังวล และจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหภาพยุโรปในต้นปีหน้า ทำให้ตลาดกลับมากังวลอีกครั้งในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียปรับตัวผันผวน เนื่องจากความไม่ชัดเจนก่อนการประชุมสุดยอดยูโรโซน ขณะที่ Hang Seng Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยได้รับผลกระทบจากความกังวลที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงจากผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจโลก แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม โดยCPI ล่าสุดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.2% พ.ย. ทำให้มีความคาดหวังที่จะเห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และแนวโน้มที่จะมีการปรับลด RRR (Reserve Requirement Rate)ลงในปีหน้า อย่างไรก็ตามระยะสั้นตลาดยังคงกังวลต่อภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตลาดหุ้น Shanghai A-Share ให้ปรับลดลง ขณะที่ตลาดหุ้นไทย SET ยังแข็งแกร่งหลังจากผ่านระดับ 1,000 จุด ได้ โดยต่างชาติยังคงซื้อสะสมอย่างต่อเนื่องในเดือน ธ.ค. อย่างไรก็ตามความกังวลเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปเป็นปัจจัยทำให้เกิดความผันผวน
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าการประชุมสุดยอดจะผ่านพ้นไปได้ด้วยข้อตกลงร่วมกันในแนวทางการแก้ปัญหายุโรป แต่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงของแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปที่ยังคงขาดรายละเอียด และความเป็นไปได้ในการดำเนินการตามข้อตกลงในระยะยาว ซึ่งทำให้ตลาดเริ่มกลับมากังวลว่า จะเกิดการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของกลุ่มประเทศในยูโรโซน ทำให้ความเสี่ยงจากภาวะวิกฤติหนี้ยุโรป ยังคงรบกวนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ระยะสั้นตลาดมีโอกาสผันผวนต่อเนื่อง ขณะที่เรายังคงคำแนะนำสำหรับนักลงทุนระยะยาว ให้ชะลอดูสถานการณ์ต่อไป และเริ่มเก็บสะสมเมื่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลดลง แนะนำให้น้ำหนักการลงทุนในกองทุนตลาดเกิดใหม่ (EmergingMarket) และกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ Global bond Fund ของ ธนชาต และ TMBAM และยังคงให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มกองทุนยุโรป และกลุ่มการเงิน (Financial sector funds)
นอกจากนี้เรายังแนะนำสะสมกองทุนหุ้นจีน โดยเราคาดหมายว่าจะได้เห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินในระยะถัดไป เพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน นอกจากนี้เรายังมองว่าราคาหุ้นจีนน่าสนใจ ด้วย P/E ระดับ 12เท่า และราคาได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว สำหรับกองทุนจีนเราแนะนำกองทุน Aberdeen China Gateway Fund: ABCG ของบลจ.อเบอร์ดีน ส่วนระยะสั้นความผันผวนสูง แนะนำ “เก็งกำไร” ขึ้นขายลงซื้อ และขายกองทุน K-OIL และ ASP-OIL ราคาไม่สามารถยืนเหนือ 100 US$/bbl. ได้ แนวโน้มแกว่งตัวกรอบ 96 - 102 US$/bbl.
สำหรับนักลงทุน LTF แม้ว่า SETI จะผ่านแนวต้านสำคัญ 1,000 จุดไปได้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง แต่เรายังคงกังวลต่อภาพการลงทุนในช่วงต้นปีหน้า จากผลกระทบจากน้ำท่วม และเศรษฐกิจโลก ทำให้เรายังคงคำแนะนำ KSDLTF (K-Strategic Defensive LTF)สำหรับการลงทุน LTF ในช่วงที่เหลือของปีนี้
อย่างไรก็ตามสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดรอดูผลการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปที่นักลงทุนต่างคาดหวังว่าจะเห็นพัฒนาการและแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจนหลังการประชุม และผลออกมาเป็นที่น่าพอใจเมื่อยุโรปได้ข้อตกลงร่วมกันในมาตรการรัดเข็มขัด และการเพิ่มทุนกองทุน IMFพร้อมตกลงใช้ ESM (European Stability Mechanism) เร็วขึ้น 1 ปี ซึ่งเป็นกองทุนถาวรใช้สำหรับช่วยเหลือยูโรโซน ซึ่งจะเปิดดำเนินการในเดือน ก.ค. 2012 เร็วขึ้น 1 ปี ขณะที่ยังคงใช้กองทุน EFSF ต่อไปตามเดิมจนถึงกลางปี 2013 ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นผลักดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ดัชนีหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในช่วงท้ายหลังจากดิ่งลงแรงก่อนการประชุมในวันศุกร์ที่ผ่าน
ขณะที่ทางฝั่งสหรัฐตัวเลขเศรษฐกิจยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ อัตราการว่างงานที่ลดลง และความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างไรก็ตามความเสี่ยงของยุโรปยังคงอยู่ เนื่องจากการประชุมที่ขาดรายละเอียดที่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามต่อความเป็นไปได้ในการดำเนินการตามข้อตกลงในระยะยาว ซึ่งสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือหลายแห่งยังกังวล และจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหภาพยุโรปในต้นปีหน้า ทำให้ตลาดกลับมากังวลอีกครั้งในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียปรับตัวผันผวน เนื่องจากความไม่ชัดเจนก่อนการประชุมสุดยอดยูโรโซน ขณะที่ Hang Seng Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยได้รับผลกระทบจากความกังวลที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงจากผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจโลก แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม โดยCPI ล่าสุดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.2% พ.ย. ทำให้มีความคาดหวังที่จะเห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และแนวโน้มที่จะมีการปรับลด RRR (Reserve Requirement Rate)ลงในปีหน้า อย่างไรก็ตามระยะสั้นตลาดยังคงกังวลต่อภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตลาดหุ้น Shanghai A-Share ให้ปรับลดลง ขณะที่ตลาดหุ้นไทย SET ยังแข็งแกร่งหลังจากผ่านระดับ 1,000 จุด ได้ โดยต่างชาติยังคงซื้อสะสมอย่างต่อเนื่องในเดือน ธ.ค. อย่างไรก็ตามความกังวลเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปเป็นปัจจัยทำให้เกิดความผันผวน