บลจ. ตบเท้าอัดโปรโมชั่น 2 กองทุนประหยัดภาษี "แอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟ" เอาใจมนุษย์เงินเดือนช่วงปลายปี
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยถึงกองทุน LTF และ RMF ว่า สำหรับทั้ง 2 กองทุนถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในช่วงเดือนธันวาคม นี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินลงทุนไปใช้ลดหย่อนภาษี ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะสม โดยตัดสินใจได้จากแนวทางการบริหารกองทุนและความเสี่ยงจากการลงทุนของบริษัทจัดการนั้นๆ รวมถึงผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุน ขณะที่โปรโมชั่นที่จัดให้มีนั้นถือเป็นผลพลอยได้
ทั้งนี้ ในส่วนของโปรโมชั่น ภายใต้การสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพ ถ้าลูกค้าลงทุน LTF หรือ RMF ผ่านช่องทางของธนาคาร วันนี้ ถึง 31 มกราคม 2555 ลูกค้าจะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี สูงสุดถึง 12,000 บาท และลูกค้าที่ชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ 1 ล้านบาท จะได้รับเพิ่ม Thank You Rewards อีก 4,000 บาท สำหรับนำไปใช้จ่ายได้ที่ Paragon, Emporium, The Mall และร้านค้าชั้นนำที่ร่วมรายการ
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ของบลจ.บัวหลวง ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีผลการดำเนินงานที่ดีและสูงกว่าผลตอบแทนมาตรฐานที่นำมาใช้เปรียบเทียบ โดย ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีคิดเป็นร้อยละ 6.01 ขณะที่กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 75 มีผลตอบแทนในช่วงระยะเดียวประมาณร้อยละ 6.18 โดยทั้งสองกองทุนให้ผลตอบแทนสูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้น ซึ่งมีผลตอบแทนร้อยละ -6.35
ขณะที่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ผลการดำเนินงานของกองทุนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีเช่นกัน โดย กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุน มีผลการดำเนินงานที่ดีและสูงกว่าผลตอบแทนมาตรฐานที่นำมาใช้เปรียบเทียบ ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน ผลตอบแทนของกองทุนตั้งแต่ต้นปี คิดเป็นร้อยละ 6.19 ขณะที่ผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้น (SET Index) มีผลตอบแทนร้อยละ -6.35
นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนเปิดบัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ ก็เป็นอีกกองทุนหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยกองทุนเน้นให้ผู้จัดการกองทุนสามารถลงทุนได้ทั้งตราสารทุน และตราสารหนี้ ในสัดส่วนที่เหมาะสมและเป็นไปตามสถานการณ์การลงทุนในขณะนั้นๆ สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ประมาณร้อยละ 6.45 เมื่อเทียบผลตอบแทนมาตรฐานเปรียบเทียบ ซึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ -1.50
ด้าน บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 15 - 18 ธันวาคม นี้ บริษัทได้เข้าร่วมงาน "มหกรรมลดภาษี นาทีสุดท้ายด้วย LTF - RMF" ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้เตรียมผลิตภัณฑ์กองทุน LTF และ RMF ไว้อย่างครบถ้วน ตอบโจทย์ทุกความต้องการลงทุนพร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยนำเสนอโปรโมชั่นที่น่าสนใจ โดยเมื่อลงทุนทุกๆ 12,000 บาทในกลุ่มกองทุนหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ และ กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ, ลงทุน ทุกๆ 30,000 บาทในกลุ่มกองทุนหุ้น ผสม และทองคำ ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาว, กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล, กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ, กองทุนเปิด ทิสโก้ พลทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ และ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ และลงทุนทุกๆ 50,000 บาทในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้มั่นคงเพื่อการเลี้ยงชีพ และ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ ผู้ลงทุนได้ได้รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลฟรีทันที มูลค่า 100 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนสูงสุด และพิเศษสุดสำหรับผู้ที่ซื้อกองทุนภายในงาน รับบัตรกำนัลเซ็นทรัล คูณ 2 ไม่จำกัดจำนวนสูงสุด
ขณะที่ นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคม นี้ บริษัทฯ จะร่วมออกบูธในงาน Thailand Smart Money 2011-2012 ณ Plenary Hall ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งบลจ.แอสเซท พลัส ได้ร่วมออกบูธด้วย โดยจะอยู่บูธที่ W6 ในปีนี้ บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นให้กับผู้ที่ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เฉพาะกองทุนหุ้นและกองทุนผสม โดยยอดเงินลงทุนด้วยเงินสด เงินโอน หรือเช็ค ทุก 100,000 บาท รับ Cash Back 1,400 บาท และส่วนเพิ่มของเงินลงทุนทุก 25,000 บาท รับ Cash Back เพิ่มอีก 350 บาท สูงสุด 14,000 บาท
"ในปีนี้ยังเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่ลงทุนใน LTF และ RMF ด้วยเงินสด เงินโอน หรือเช็ค ตั้งแต่ 400,000 บาท ขึ้นไป สามารถเลือกรับเป็นเงินลงทุนในกองทุน ASP-OIL หรือ ASP-GOLD หรือ ASP-HSI หรือ ASP-S&P500 หรือ ASP-SET50FUTURES แทนได้ โดยจะได้รับเป็นเงินลงทุน ที่มีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่า Cash Back ปกติ อีก 5% เพื่อนำไปลงทุนในกองทุนที่กำหนด เช่น หากลูกค้าลงทุนใน LTF 400,000 บาท ได้รับ Cash Back 5,600 บาท หากเปลี่ยนเป็นเงินลงทุนในกองทุนแทนการรับ Cash Back จะได้รับเงินลงทุน จำนวน 5,880 บาท เพื่อลงทุนในกองทุนที่ผู้ลงทุนได้เลือก"
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยถึงกองทุน LTF และ RMF ว่า สำหรับทั้ง 2 กองทุนถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในช่วงเดือนธันวาคม นี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินลงทุนไปใช้ลดหย่อนภาษี ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่เหมาะสม โดยตัดสินใจได้จากแนวทางการบริหารกองทุนและความเสี่ยงจากการลงทุนของบริษัทจัดการนั้นๆ รวมถึงผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุน ขณะที่โปรโมชั่นที่จัดให้มีนั้นถือเป็นผลพลอยได้
ทั้งนี้ ในส่วนของโปรโมชั่น ภายใต้การสนับสนุนจากธนาคารกรุงเทพ ถ้าลูกค้าลงทุน LTF หรือ RMF ผ่านช่องทางของธนาคาร วันนี้ ถึง 31 มกราคม 2555 ลูกค้าจะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี สูงสุดถึง 12,000 บาท และลูกค้าที่ชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ 1 ล้านบาท จะได้รับเพิ่ม Thank You Rewards อีก 4,000 บาท สำหรับนำไปใช้จ่ายได้ที่ Paragon, Emporium, The Mall และร้านค้าชั้นนำที่ร่วมรายการ
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ของบลจ.บัวหลวง ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีผลการดำเนินงานที่ดีและสูงกว่าผลตอบแทนมาตรฐานที่นำมาใช้เปรียบเทียบ โดย ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีคิดเป็นร้อยละ 6.01 ขณะที่กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 75 มีผลตอบแทนในช่วงระยะเดียวประมาณร้อยละ 6.18 โดยทั้งสองกองทุนให้ผลตอบแทนสูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้น ซึ่งมีผลตอบแทนร้อยละ -6.35
ขณะที่กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ผลการดำเนินงานของกองทุนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีเช่นกัน โดย กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุน มีผลการดำเนินงานที่ดีและสูงกว่าผลตอบแทนมาตรฐานที่นำมาใช้เปรียบเทียบ ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน ผลตอบแทนของกองทุนตั้งแต่ต้นปี คิดเป็นร้อยละ 6.19 ขณะที่ผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้น (SET Index) มีผลตอบแทนร้อยละ -6.35
นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนเปิดบัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ ก็เป็นอีกกองทุนหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยกองทุนเน้นให้ผู้จัดการกองทุนสามารถลงทุนได้ทั้งตราสารทุน และตราสารหนี้ ในสัดส่วนที่เหมาะสมและเป็นไปตามสถานการณ์การลงทุนในขณะนั้นๆ สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ประมาณร้อยละ 6.45 เมื่อเทียบผลตอบแทนมาตรฐานเปรียบเทียบ ซึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ -1.50
ด้าน บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 15 - 18 ธันวาคม นี้ บริษัทได้เข้าร่วมงาน "มหกรรมลดภาษี นาทีสุดท้ายด้วย LTF - RMF" ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้เตรียมผลิตภัณฑ์กองทุน LTF และ RMF ไว้อย่างครบถ้วน ตอบโจทย์ทุกความต้องการลงทุนพร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยนำเสนอโปรโมชั่นที่น่าสนใจ โดยเมื่อลงทุนทุกๆ 12,000 บาทในกลุ่มกองทุนหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยงชีพ และ กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ, ลงทุน ทุกๆ 30,000 บาทในกลุ่มกองทุนหุ้น ผสม และทองคำ ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาว, กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล, กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ, กองทุนเปิด ทิสโก้ พลทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ และ กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ และลงทุนทุกๆ 50,000 บาทในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้มั่นคงเพื่อการเลี้ยงชีพ และ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ ผู้ลงทุนได้ได้รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลฟรีทันที มูลค่า 100 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนสูงสุด และพิเศษสุดสำหรับผู้ที่ซื้อกองทุนภายในงาน รับบัตรกำนัลเซ็นทรัล คูณ 2 ไม่จำกัดจำนวนสูงสุด
ขณะที่ นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคม นี้ บริษัทฯ จะร่วมออกบูธในงาน Thailand Smart Money 2011-2012 ณ Plenary Hall ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งบลจ.แอสเซท พลัส ได้ร่วมออกบูธด้วย โดยจะอยู่บูธที่ W6 ในปีนี้ บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นให้กับผู้ที่ลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เฉพาะกองทุนหุ้นและกองทุนผสม โดยยอดเงินลงทุนด้วยเงินสด เงินโอน หรือเช็ค ทุก 100,000 บาท รับ Cash Back 1,400 บาท และส่วนเพิ่มของเงินลงทุนทุก 25,000 บาท รับ Cash Back เพิ่มอีก 350 บาท สูงสุด 14,000 บาท
"ในปีนี้ยังเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่ลงทุนใน LTF และ RMF ด้วยเงินสด เงินโอน หรือเช็ค ตั้งแต่ 400,000 บาท ขึ้นไป สามารถเลือกรับเป็นเงินลงทุนในกองทุน ASP-OIL หรือ ASP-GOLD หรือ ASP-HSI หรือ ASP-S&P500 หรือ ASP-SET50FUTURES แทนได้ โดยจะได้รับเป็นเงินลงทุน ที่มีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่า Cash Back ปกติ อีก 5% เพื่อนำไปลงทุนในกองทุนที่กำหนด เช่น หากลูกค้าลงทุนใน LTF 400,000 บาท ได้รับ Cash Back 5,600 บาท หากเปลี่ยนเป็นเงินลงทุนในกองทุนแทนการรับ Cash Back จะได้รับเงินลงทุน จำนวน 5,880 บาท เพื่อลงทุนในกองทุนที่ผู้ลงทุนได้เลือก"
