xs
xsm
sm
md
lg

โค้งสุดท้ายLTF-RMFหนุนSETไปต่อ KTAMมองดัชนีแกว่งตัว 997„-1,044 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.กรุงไทย มองตลาดหุ้นไทยเดือนสุดท้ายของปี ดัชนีแกว่งตัวระหว่าง 997-1,044 จุด หลังได้แรงซื้อจากกองทุน LTF-RMF หนุน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุน พร้อมประเมินเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลหลังน้ำท่วมอีก 6 เดือนถึงจะเห็นผล

รายงาข่าวจากฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นต่อเนื่องจากเดือนพฤศจิกายน แต่ยังคงผันผวนโดยดัชนีฯจะมีโมเมนตัมการแกว่งตัวและอยู่ในกรอบระหว่าง 997-1,044 จุด ทั้งนี้มองว่านักลงทุนต่างชาติจะมีการชะลอการลงทุนต่อเนื่อง แต่จะได้เม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF และการกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF เข้ามาสนับสนุน และการคาดการณ์การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหลังน้ำลดเพื่อการฟื้นฟูจากผลกระทบที่เกิดจากภาวะน้ำท่วม ซึ่งเป็นการมองการลงทุนออกไปใน 6 เดือนข้างหน้ามากกว่าจะคำนึงถึงผลกระทบระยะสั้น รวมถึงปัจจัยบวกจากนโยบายที่ผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากจีน ในขณะที่ยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาหนี้ของยุโรปเข้ามาทำให้การลงทุนผันผวนได้

ทั้งนี้ภาพการลงทุนในหุ้นไทยในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมาดัชนีขยับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยขึ้นมาปิดที่ 995.33 จุดเพิ่มขึ้น 2.1%MoM แต่ยังคงลดลง 0.97%YoY และ -3.6%YTD มูลค่าการซื้อขายรวมเท่ากับ 485,232 ล้านบาทลดลง 6%MoM ภาระการซื้อขายโดยรวมลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และดัชนีค่อนข้างผันผวนในกรอบ 950-997 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังคงติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้ในกลุ่มยุโรอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของหลายๆประเทศได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมส่งผลให้สถาบันการเงินและหน่อยงานทางเศรษฐกิจต่างๆมีการปรับลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจจองไทยในปี 2554 รวมถึงการชะลอลงทุนในช่วงปลายปีของนักลงทุนต่างประเทศส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในเดือนพฤศจิกายน 12,556 ล้านบาทเทียบกับเดือนตุลาคมที่ซื้อสุทธิ 30,837 ล้านบาท ส่วนที่นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 967 ล้านบาทขณะที่พอร์ตลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ซื้อขายสุทธิ 502 ล้านบาทและนักลงทุนในประเทศที่เป็นผู้ซื้อสุทธิ 12,751 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามดัชนีขยับขึ้นมาได้เนื่องจากมีการเกร็งกำไรต่อนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายลงของธปท.ธนาคารกลางจีน และธนาคารกลางยุโรป ที่มีการปรับลดดอกเบี้ยและลดการกันเงินสำรองธนาคารกลาง เป็นต้น โดยที่มีการคลายความวิตกต่อการแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรปเป็นระยะๆหลังจากที่กรีซ ได้รับการอนุมัติเงินกู้งวดที่ 6 และมีการเปลี่ยนผู้นำในกรีซ รวมทั้งที่อิตาลีเกิดขึ้นและพบว่ามีความพยายามในการเข้ามาร่วมมือของหลายฝ่ายที่จะเข้ามาช่วยในการแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรปเพิ่มขึ้น แม้จะยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้เต็มที่ในระยะยาวก็ตาม ซึ่งการลงทุนยังเน้นหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงเป็นหลัก โดยกลุ่มที่มีราคาขยับขึ้นมาในช่วงนี้เป็นหุ้นกลุ่ม Defensive เป็นส่วนใหญ่

ฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย ระบุต่อว่า สำหรับแนวโน้มตลาดตราสารหนี้เดือนธันวาคมนี้ คาดว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลน่าลดลงต่อเนื่องโดยเฉพาะผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น จากการคาดการณ์ว่ากนง.จะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมครั้งถัดไป อย่างไรก็ตามหลังจากที่ธนาคารกลางหลายประเทศได้มีการเสริมสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด ทำให้ Risk Appetite เพิ่มขึ้นอีกทั้ง Trading Volume ที่ลดลงในช่วงสิ้นปี อาจทำให้พันธบัตรรัฐบาลระยะยาวไม่ได้ปรับลดลงมากนัก
กำลังโหลดความคิดเห็น