ASTVผู้จัดการรายวัน - ฟิลลิปเผย เศรษฐกิจสหรัฐ และการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปส่งสัญญาณบวกต่อเนื่อง หนุนสินทรัพย์เสี่ยงไปต่อ แต่ยังต้องระมัดระวัง แนะระยะสั้น ถือเงินสดหรือถือกองทุนมันนี่มาร์เก็ตไปก่อน
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนและกองทุนที่แนะนำในสัปดาห์นี้ ยังคงจับตาทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ และการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป โดยในช่วงนี้ทั้ง 2 ปัจจัย ยังคงส่งสัญญาณบวกต่อเนื่อง ทำให้สัปดาห์นี้คาดว่าจะยังคงเห็นการเก็งกำไรจากข่าวการแก้ปัญหายุโรปที่ดูจะมีทางออกมากขึ้นต่อไป แต่เรายังคงย้ำให้ระมัดระวังการลงทุนในช่วงนี้ เพราะหากยังไม่เห็นการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปในระยะยาวที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพแล้ว คงเป็นการยากที่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกจะกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้นต่อได้ ขณะที่ประเทศในกลุ่ม PIIGS ก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาสร้างความกังวลได้ตลอด รวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐด้วยเช่นกัน
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น เราจึงยังคงแนะนำให้ “Wait and see” ชะลอการลงทุนดูสถานการณ์ต่อไปอย่างใจเย็น ถือเงินสด หรือกองทุน Money Market Funds โดยยังคงแนะนำ PCASH ของ บลจ. ฟิลลิป ต่อไปอีกสัปดาห์
ขณะเดียวกัน เน้นให้สะสมเพิ่มสำหรับการลงทุนกองทุนรวมระยะยาวเมื่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลดลง และยังคงเน้นไปยังกองทุนตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก กองทุนแนะนำได้แก่ ABGEM, ABAPAC และ ABCG ของ บลจ. อเบอร์ดีน และ Global Bond Fund ของ TMBAM และ Thanachart
ทั้งนี้ Phillip Fund SuperMart รายงานแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ว่า อัตราผลตอบแทนปรับลงสะท้อนคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดย Yield Curve ปรับตัวเป็น Reverse Yield Curve สะท้อนคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุด และมีโอกาสปรับลดลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 6 เดือน และ 1 ปี ปรับ
ตัวลดลง -7 Bps. และ -12 Bps. ตามลำดับ และพันธบัตรอายุ 5 ปี และ 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลง -14 Bps. ทั้งคู่ สัปดาห์นี้คาดว่าการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 3.5% ตามเดิม จนถึงสิ้นปี ทำให้เราคาดว่าอัตราผลตอบแทนจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในสัปดาห์นี้หากอัตราดอกเบี้ยออกมาเป็นไปตามที่คาดการณ์
สำหรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงนี้ เรามองเป็นโอกาสในการขายทำกำไรสำหรับนักลงทุนที่ยังมีกองทุนน้ำมันอยู่ โดยมองแนวต้านไว้ที่ 90 US$/bbl. ขณะที่ราคาทองคำยังคงแกว่งตัว Sideway ในกรอบแคบๆ นักลงทุนที่สนใจสะสมทองคำ เราแนะนำให้ Wait and see ก่อน หรือสะสมกองทุนทองคำที่แนวรับ 1,600 และ 1,550 US$/oz.
สำหรับนักลงทุน LTF ช่วงนี้เรายังคงแนะนำให้ Wait and see ต่อไป แม้ว่า SETI จะปรับขึ้นแรงต่อเนื่อง ปัจจัยเสี่ยงทั้งภายนอก ภายในยังมีอยู่ทำให้มีโอกาสผันผวนได้ ให้เน้นสะสมกองทุน LTF เมื่อ SETI ปรับตัวลดลงแรง แนวรับที่ 850 จุด โดยกองทุนที่เราแนะนำยังคงเป็นKFLTFDIV ของ บลจ. กรุงศรี ตามเดิม แต่สำหรับนักลงทุนที่ได้สับเปลี่ยน LTF ไปยัง Defensive LTF อย่าง KSDLTF (K-Strategic Defensive LTF) ตามที่ได้แนะนำไปก่อนหน้า เรายังแนะนำเหมือนเดิม คือไม่เห็นการเปลี่ยนแนวโน้มของ SETI เป็นขาขึ้นที่ชัดเจน ให้ถือกองทุน KSDLTF
ต่อไป จะสับเปลี่ยนต่อเมื่อ SETI มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นเท่านั้น
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนและกองทุนที่แนะนำในสัปดาห์นี้ ยังคงจับตาทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ และการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป โดยในช่วงนี้ทั้ง 2 ปัจจัย ยังคงส่งสัญญาณบวกต่อเนื่อง ทำให้สัปดาห์นี้คาดว่าจะยังคงเห็นการเก็งกำไรจากข่าวการแก้ปัญหายุโรปที่ดูจะมีทางออกมากขึ้นต่อไป แต่เรายังคงย้ำให้ระมัดระวังการลงทุนในช่วงนี้ เพราะหากยังไม่เห็นการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปในระยะยาวที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพแล้ว คงเป็นการยากที่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกจะกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้นต่อได้ ขณะที่ประเทศในกลุ่ม PIIGS ก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาสร้างความกังวลได้ตลอด รวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐด้วยเช่นกัน
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น เราจึงยังคงแนะนำให้ “Wait and see” ชะลอการลงทุนดูสถานการณ์ต่อไปอย่างใจเย็น ถือเงินสด หรือกองทุน Money Market Funds โดยยังคงแนะนำ PCASH ของ บลจ. ฟิลลิป ต่อไปอีกสัปดาห์
ขณะเดียวกัน เน้นให้สะสมเพิ่มสำหรับการลงทุนกองทุนรวมระยะยาวเมื่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลดลง และยังคงเน้นไปยังกองทุนตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก กองทุนแนะนำได้แก่ ABGEM, ABAPAC และ ABCG ของ บลจ. อเบอร์ดีน และ Global Bond Fund ของ TMBAM และ Thanachart
ทั้งนี้ Phillip Fund SuperMart รายงานแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ว่า อัตราผลตอบแทนปรับลงสะท้อนคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดย Yield Curve ปรับตัวเป็น Reverse Yield Curve สะท้อนคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุด และมีโอกาสปรับลดลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 6 เดือน และ 1 ปี ปรับ
ตัวลดลง -7 Bps. และ -12 Bps. ตามลำดับ และพันธบัตรอายุ 5 ปี และ 10 ปี อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลง -14 Bps. ทั้งคู่ สัปดาห์นี้คาดว่าการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 3.5% ตามเดิม จนถึงสิ้นปี ทำให้เราคาดว่าอัตราผลตอบแทนจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในสัปดาห์นี้หากอัตราดอกเบี้ยออกมาเป็นไปตามที่คาดการณ์
สำหรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงนี้ เรามองเป็นโอกาสในการขายทำกำไรสำหรับนักลงทุนที่ยังมีกองทุนน้ำมันอยู่ โดยมองแนวต้านไว้ที่ 90 US$/bbl. ขณะที่ราคาทองคำยังคงแกว่งตัว Sideway ในกรอบแคบๆ นักลงทุนที่สนใจสะสมทองคำ เราแนะนำให้ Wait and see ก่อน หรือสะสมกองทุนทองคำที่แนวรับ 1,600 และ 1,550 US$/oz.
สำหรับนักลงทุน LTF ช่วงนี้เรายังคงแนะนำให้ Wait and see ต่อไป แม้ว่า SETI จะปรับขึ้นแรงต่อเนื่อง ปัจจัยเสี่ยงทั้งภายนอก ภายในยังมีอยู่ทำให้มีโอกาสผันผวนได้ ให้เน้นสะสมกองทุน LTF เมื่อ SETI ปรับตัวลดลงแรง แนวรับที่ 850 จุด โดยกองทุนที่เราแนะนำยังคงเป็นKFLTFDIV ของ บลจ. กรุงศรี ตามเดิม แต่สำหรับนักลงทุนที่ได้สับเปลี่ยน LTF ไปยัง Defensive LTF อย่าง KSDLTF (K-Strategic Defensive LTF) ตามที่ได้แนะนำไปก่อนหน้า เรายังแนะนำเหมือนเดิม คือไม่เห็นการเปลี่ยนแนวโน้มของ SETI เป็นขาขึ้นที่ชัดเจน ให้ถือกองทุน KSDLTF
ต่อไป จะสับเปลี่ยนต่อเมื่อ SETI มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นเท่านั้น
