xs
xsm
sm
md
lg

KTAMปรับหุ้นไทยสิ้นปีเหลือ1,130 จุด ชี้ภัยพิบัตน้ำท่วม-ศก.โลกตัวแปรใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.กรุงไทย ปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีเหลือ 1,130 จุดหลังประเมินไว้ก่อนหน้าที่ 1,200 จุด เหตุเจอปัญหาภัยพิบัตน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัดของไทย รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกยังน่าห่วง คาดใช้เวลาอีกระยะฟื้นฟูจังหวัดที่เสียหาย

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภัยพิบัตน้ำท่วมที่เกิดขึ้นหลายจังหวัด ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 โดยตรงรวมถึง GDP อย่างไรก็ตามคงต้องการประเมินความเสียหายทั้งหมดก่อนว่าจะมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน ในส่วนของดัชนีตลาดหุ้นไทยนั้นอาจจะมีการปรับลดกรอบดัชนีใหม่อีกครั้ง เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยก็ได้รับความเสียหาย ซึ่งคาดว่าบริษัทเหล่านั้นหรือโรงงานจะกลับมาผลิตสินค้าดังเดิมอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

ในส่วนของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการ หรือ AUM ของเราอยู่ที่ประมาณ 350,000 ล้านบาท โดยเราตั้งเป้าว่าในปี 2554 จะต้องเติบโตประมาณ 20% ของAUM คาดว่าสิ้นปีนี้ยอดAUM จะปิดตามเป้าที่เราวางแผนไว้

ส่วนแผนออกกองทุนในช่วงที่เหลืออีกประมาณ 2-3 เดือนนี้ คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทลโกรท มูลค่า 14,000 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนอีกครั้งในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ส่วนกองทุนอสังหาฯโรงแรมของกลุ่มซีซีเเลนด์นั้นคงจะต้องเลื่อนไปออกในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 เนื่องจากทางบลจ.กรุงไทยและทางซีซีแลนด์กำลังพิจารณาสินทรัพย์ที่จะกองทุนจะเข้าไปลงทุนกันอยู่

สำหรับการบริหารสินทรัพย์ของสบน.มูลค่า 120,000 ล้านบาท โดยมีบลจ.กรุงไทย บลจ.กสิกรไทย และบลจ.ไทยพาณิชย์ เป็นผู้บริหารให้ ซึ่งจะแบ่งบริหารบลจ.ละ 40,000 ล้านบาท โดยรายละเอียดจะการบริหารจัดการนั้นทางสบน.จะจัดแถลงข่าวในวันที่ 14 ตุลาคมนี้

ขณะที่นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า อาจจะต้องมีการปรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์กันใหม่ หลังจากที่เราประเมินไว้ว่าสิ้นปีอยู่ที่ 1,200 จุด แต่หลักจากเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัตน้ำท่วมในหลายจังหวัด โดยเฉพาะที่จังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานหลายแห่งซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าธุรกิจจะสามารถเดินหน้าได้ต่อ

ส่วนดัชนีหุ้นไทยที่เราปรับใหม่น่าจะอยู่ที่ 1,130 จุด เนื่องจากปัจจัยภายในประเทศอย่างภัยพิบัตน้ำท่วม และวิกฤติหนี้ยุโรป รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเป็นปัญหาที่เราต้องติดตามสถานการณ์และประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนนี้ เราประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการลงทุน (กนง.) น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.50% ต่อไป โดยหากจะมีการปรับขึ้นอีกครั้งน่าจะอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ในปี 2555

โดยฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทยมองว่า ปัญหาอุทกภัยที่รุนแรงขึ้นและกระจายไปในหลายพื้นที่ ประกอบกับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นนี้ไม่สดใสนัก นอกจากนี้หลายนโยบายของรัฐบาลที่มีความชัดเจนขึ้น เช่น รถคันแรก บ้านหลังแรก น่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นได้น้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำหากไม่สามารถทำได้ทั้งประเทศก็อาจทำให้แรงกดดันต่อเงินเฟ้อน้อยลง อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการจำนำข้าว ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อในอนาคตได้ แต่เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยและปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปอาจทำให้ คกนง. ตัดสินใจหยุดการขึ้นดอกเบี้ยไว้ที่เดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น