บลจ.กรุงไทย ยิ้มคว้าแชมป์ AUM ในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในอุตสหกรรมกองทุนรวม ล่าสุดเทสโก้ โลตัส ส่งศูนย์การค้า 15 แห่ง และ กลุ่มบริษัท ทีทีซีแลนด์ ส่งโรงแรม ทำกองทุนอสังหาฯ จ่อคิวไอพีโอก่อนสิ้นปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ เทสโก้ โลตัส หรือ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริ บิวชั่น ซิสเทม จำกัด ได้เปิดตัวขอจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทลโกรท กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกองทุน ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายไอพีโอได้ในช่วงไตรมาส 4 หรือปลายปีนี้โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในศูนย์การค้าของเทสโก้ โลตัส ทั้งหมด 15 แห่งที่กระจายตามทำเลที่ดีเยี่ยมทั่วประเทศ และแบ่งเป็นสินทรัพย์ประเภท Freehold และ Leasehold นั้น
ส่งผลให้บลจ.กรุงไทย ที่เป็นผู้นำทางด้านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในอุตสหกรรมกองทุนรวมในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีสินทรัพย์เพิ่มจากเดิม โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 104,444 ล้านบาท ซึ่งหากรวมกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทลอินเวสเม้นต์ อีกประมาณ 2,490 ล้านบาท ก็จะมีสินทรัพย์ฯกองทุนอสังหาฯ รวม 106,934 ล้านบาท หากรวมกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทลโกรท ด้วยแล้ว จะมี AUM ในส่วนของกองทุนอสังหาฯประมาณ 120,934 ล้านบาท โดยยังไม่รวมกับกลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัดที่คาดว่าจะทำกองทุนอสังหาฯโรงแรมเพิ่มด้วย
อย่างไรก็ตาม กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่บลจ.กรุงไทย บริหารจัดการอยู่ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์ (TCIF) มี NAV ณ วันที่ 22 กัยนายน 54 อยู่ที่ 2,018.80 ล้านบาท ส่วนกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท ( TTLPF) มี NAV ณ วันที่ 22 กันยายน 54 อยู่ที่ 2,448 ล้านบาท ขณะที่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DTCPF) มี NAV ณ วันที่ 22 กันยายน 54 อยู่ที่ 3,766.48 ล้านบาท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทลอินเวสเม้นต์ : (TRIF) มี NAV ณ วันที่ 22 กันยายน 54 อยู่ที่ 2,614.50 ล้านบาท
นอกเหนือจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เรียกว่าเป็นปีทองของบลจ.กรุงไทยแล้ว ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2554 บลจ.กรุงไทยยังได้รับได้รับบริหารสินทรัพย์ประมาณ 40,000 ล้านบาทจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือสบน. ระหว่างปี 2554-2556 ในเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่บริษัท ทิพยประกันภัยได้ว่าจ้างบลจ.กรุงไทยเข้ามาดูแลในส่วนของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อีก 400 ล้านบาทอีกด้วย
ขณะเดียวกันบลจ.กรุงไทยเองได้เปิดตัวกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ ที่เป็นFeeder Fund ซึ่งลงทุนลงทุนในหุ้นของบริษัท หรือกองทรัสต์เพื่อการ ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (หรือเทียบเท่า) ที่จดทะเบียน หรือมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่มี การกำกับดูแล โดยมีรายได้หลักจากการเป็นเจ้าของ บริหารจัดการ และ/หรือพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก พร้อมทั้งเปิดตัวกองทุนอีทีเอฟน้องใหม่อีกคือ กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ นอกเหนือจากนี้บลจ.กรุงไทยยังมีกองทุนตราสารหนี้ที่เปิดขายใหม่ทุกสัปดาห์เพื่อดึงเม็ดเงินใหม่ของนักลงทุนและกองทุนโรโอเวอร์ที่ดึงเงินเก่าเข้าบลจ.อีกด้วย
โดยก่อนหน้านี้นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า ทางกลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด ที่เคยทำกองทุนรวมกันมาแล้วก็อยากทำกองทุนอสังหาฯประเภทโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 1 กองทุนในปีนี้หรือไม่ก็ช่วงต้นปี 2555 ในส่วนของกองทุนรวมนั้นบลจ.กรุงไทยได้เพิ่มช่องทางขายกองทุนผ่านธนาคารกรุงไทยไปยังตลาดต่างจังหวัดซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ เทสโก้ โลตัส หรือ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริ บิวชั่น ซิสเทม จำกัด ได้เปิดตัวขอจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทลโกรท กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการกองทุน ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายไอพีโอได้ในช่วงไตรมาส 4 หรือปลายปีนี้โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในศูนย์การค้าของเทสโก้ โลตัส ทั้งหมด 15 แห่งที่กระจายตามทำเลที่ดีเยี่ยมทั่วประเทศ และแบ่งเป็นสินทรัพย์ประเภท Freehold และ Leasehold นั้น
ส่งผลให้บลจ.กรุงไทย ที่เป็นผู้นำทางด้านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในอุตสหกรรมกองทุนรวมในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีสินทรัพย์เพิ่มจากเดิม โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2554 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 104,444 ล้านบาท ซึ่งหากรวมกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทลอินเวสเม้นต์ อีกประมาณ 2,490 ล้านบาท ก็จะมีสินทรัพย์ฯกองทุนอสังหาฯ รวม 106,934 ล้านบาท หากรวมกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทลโกรท ด้วยแล้ว จะมี AUM ในส่วนของกองทุนอสังหาฯประมาณ 120,934 ล้านบาท โดยยังไม่รวมกับกลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัดที่คาดว่าจะทำกองทุนอสังหาฯโรงแรมเพิ่มด้วย
อย่างไรก็ตาม กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่บลจ.กรุงไทย บริหารจัดการอยู่ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์ (TCIF) มี NAV ณ วันที่ 22 กัยนายน 54 อยู่ที่ 2,018.80 ล้านบาท ส่วนกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท ( TTLPF) มี NAV ณ วันที่ 22 กันยายน 54 อยู่ที่ 2,448 ล้านบาท ขณะที่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DTCPF) มี NAV ณ วันที่ 22 กันยายน 54 อยู่ที่ 3,766.48 ล้านบาท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทลอินเวสเม้นต์ : (TRIF) มี NAV ณ วันที่ 22 กันยายน 54 อยู่ที่ 2,614.50 ล้านบาท
นอกเหนือจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เรียกว่าเป็นปีทองของบลจ.กรุงไทยแล้ว ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2554 บลจ.กรุงไทยยังได้รับได้รับบริหารสินทรัพย์ประมาณ 40,000 ล้านบาทจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือสบน. ระหว่างปี 2554-2556 ในเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่บริษัท ทิพยประกันภัยได้ว่าจ้างบลจ.กรุงไทยเข้ามาดูแลในส่วนของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อีก 400 ล้านบาทอีกด้วย
ขณะเดียวกันบลจ.กรุงไทยเองได้เปิดตัวกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ ที่เป็นFeeder Fund ซึ่งลงทุนลงทุนในหุ้นของบริษัท หรือกองทรัสต์เพื่อการ ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (หรือเทียบเท่า) ที่จดทะเบียน หรือมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่มี การกำกับดูแล โดยมีรายได้หลักจากการเป็นเจ้าของ บริหารจัดการ และ/หรือพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก พร้อมทั้งเปิดตัวกองทุนอีทีเอฟน้องใหม่อีกคือ กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ แทร็กเกอร์ นอกเหนือจากนี้บลจ.กรุงไทยยังมีกองทุนตราสารหนี้ที่เปิดขายใหม่ทุกสัปดาห์เพื่อดึงเม็ดเงินใหม่ของนักลงทุนและกองทุนโรโอเวอร์ที่ดึงเงินเก่าเข้าบลจ.อีกด้วย
โดยก่อนหน้านี้นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า ทางกลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด ที่เคยทำกองทุนรวมกันมาแล้วก็อยากทำกองทุนอสังหาฯประเภทโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 1 กองทุนในปีนี้หรือไม่ก็ช่วงต้นปี 2555 ในส่วนของกองทุนรวมนั้นบลจ.กรุงไทยได้เพิ่มช่องทางขายกองทุนผ่านธนาคารกรุงไทยไปยังตลาดต่างจังหวัดซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก
