หลายบลจ.เพิ่มทางเลือกใหม่เอาใจขาช๊อปกองทุนอสังหาฯ ตั้งกองทุนลุย REIT ต่างประเทศ ชูผลตอบแทนจูงใจ ช่วยกระจายความเสี่ยง หลังกองอสังหาฯไทยมีจำกัด สินทรัพย์ไม่เด่น สภาพคล่องน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างสูงประกอบกับอัตราเงินเฟ้อในช่วงนี้ค่อนข้างปรับตัวสูง ดอกเบี้ยนโยบายก็ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลนักลงทุนส่วนใหญ่หันมาลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามกองทุนประเภทดังกล่าวถือว่ามีจำนวนค่อนข้างน้อยในตลาหุ้นไทย ทำให้ตัวเลือกในการลงทุนหรือการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนกองทุนอสังหาฯน้อยตามไปด้วย ขณะเดียวกันทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ได้อนุมัติหลักการในการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT) ซึ่งหากทุกอย่างเสร็จสิ้นกองทุนอสังหาฯประเภท 1 ก็จะอยู่ได้เพียง 1 ปีนับจากวันที่ก.ล.ต.ประกาศผลบังคับใช้
อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้หลายบลจ.เริ่มจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนในลักษณะทาร์เก็ตฟันด์อย่างกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท เทน ซีรี่ส์ 1 และ2 ของบลจ.เอ็มเอฟซี ซึ่งจะเน้นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศเพียงหมวดเดียว ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และตราสารของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น Exchange Traded Fund ภายใต้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ Real Estate Investment Trusts และ Property Fund เป็นต้น รวมถึงหุ้นภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก
ส่วนที่เปิดตัวไปได้ไม่นานและกำลังจะมีการเปิดขายหน่วยลงทุนในช่วงนี้คือ กองทุนเปิด วรรณ พร็อพเพอร์ตี้ สิงคโปร์ หรือ ONEPROP-SG โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนหน่วยลงทุนของกองทุน Phillip Singapore Real Estate Income Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลัก ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนเปิด ONEPROP-SG มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ไม่เกินปีละ 4 ครั้ง จากจำนวนเงินที่จัดสรรจากเงินสดรับที่ได้จากเงินปันผลของกองทุนรวมต่างประเทศที่กองทุนไปลงทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนเป็นระยะๆ โดยกองทุนดังกล่าวไม่มีการปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน เนื่องจากค่าเงินบาทไทยมักจะล้อไปกับค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนอาจะได้รับส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน แต่หากค่าเงินมีความผันผวนมากทางบลจ.จะมีการปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน
โดย Master fund ที่เข้าไปลงทุนนั้นจะเลือกลงทุนกอง REIT ของประเทศสิงคโปร์ 73% ฮ่องกง 9% อินโดนีเซีย 6% ญี่ปุ่น 5% ออสเตรเลีย 4% มาเลเซีย 1% อื่นๆอีก 1% โดยจะแบ่งเป็นอุตสหกรรม เช่น โรงาน ประมาณ 43% ห้างสรรพสินค้า หรือ ค้าปลีก 21% สำนักงานให้เช่า 14% ศูนย์สุขภาพ หรือ Healthcare 14% และโรงแรม 7% เป็นต้น นอกจากนี้ที่ดิน และ อสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ส่วนใหญ่เป็นของราชการจะให้เช่าในราคาที่ค่อนข้างถูกและเป็นระยะเวลานาน
และล่าสุดกับบลจ.กรุงไทย ที่ร่วมกับธนาคารซิตี้แบงก์ เตรียมเปิดตัว กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ ในวันนี้ (6กันยายน)อีกด้วย
ทั้งนี้แหล่งข่าวจากแวดวงกองทุนรวมหลายหนึ่ง เปิดเผยว่า การจะจัดตั้งกองทุนอสังหาฯในประเทศไทยนั้นคงต้องดูหลายอย่าง ต้องยอมรับว่าหากเป็นสินทรัพย์ดี อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้าใหญ่ หรือโรงแรม 5 ดาว ที่ได้รับความนิยมมาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาฯนั้นยากมาก หรือถ้ามีจะเห็นได้ว่าเป็นสินทรัพย์ประเภทริชโฮลด์เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงบางกองทุนมีสภาพคล่องน้อย ทำให้ในกองทุนอสังหาฯที่มีคุณภาพนั้นมีจำกัดมากในตลาดหุ้นไทย ซึ่งหากมีการตั้งกองทุนไปลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในต่างประเทศก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน รวมถึงการให้ผลตอบแทนที่น่าจูงใจในภาวะที่หุ้นทั่วโลกยังมีความผันผวนเช่นนี้ แต่สิ่งที่ต้องติดตามดูก็คือ ความเสี่ยงของสินทรัพย์ในแต่ละประเภท แต่ละประเทศ รวมถึงความเสี่ยงจากค่าเงินอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างสูงประกอบกับอัตราเงินเฟ้อในช่วงนี้ค่อนข้างปรับตัวสูง ดอกเบี้ยนโยบายก็ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลนักลงทุนส่วนใหญ่หันมาลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามกองทุนประเภทดังกล่าวถือว่ามีจำนวนค่อนข้างน้อยในตลาหุ้นไทย ทำให้ตัวเลือกในการลงทุนหรือการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนกองทุนอสังหาฯน้อยตามไปด้วย ขณะเดียวกันทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ได้อนุมัติหลักการในการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT) ซึ่งหากทุกอย่างเสร็จสิ้นกองทุนอสังหาฯประเภท 1 ก็จะอยู่ได้เพียง 1 ปีนับจากวันที่ก.ล.ต.ประกาศผลบังคับใช้
อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้หลายบลจ.เริ่มจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนในลักษณะทาร์เก็ตฟันด์อย่างกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เรียลเอสเตท เทน ซีรี่ส์ 1 และ2 ของบลจ.เอ็มเอฟซี ซึ่งจะเน้นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศเพียงหมวดเดียว ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และตราสารของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น Exchange Traded Fund ภายใต้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ Real Estate Investment Trusts และ Property Fund เป็นต้น รวมถึงหุ้นภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก
ส่วนที่เปิดตัวไปได้ไม่นานและกำลังจะมีการเปิดขายหน่วยลงทุนในช่วงนี้คือ กองทุนเปิด วรรณ พร็อพเพอร์ตี้ สิงคโปร์ หรือ ONEPROP-SG โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนหน่วยลงทุนของกองทุน Phillip Singapore Real Estate Income Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลัก ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนเปิด ONEPROP-SG มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ไม่เกินปีละ 4 ครั้ง จากจำนวนเงินที่จัดสรรจากเงินสดรับที่ได้จากเงินปันผลของกองทุนรวมต่างประเทศที่กองทุนไปลงทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนเป็นระยะๆ โดยกองทุนดังกล่าวไม่มีการปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน เนื่องจากค่าเงินบาทไทยมักจะล้อไปกับค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนอาจะได้รับส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน แต่หากค่าเงินมีความผันผวนมากทางบลจ.จะมีการปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน
โดย Master fund ที่เข้าไปลงทุนนั้นจะเลือกลงทุนกอง REIT ของประเทศสิงคโปร์ 73% ฮ่องกง 9% อินโดนีเซีย 6% ญี่ปุ่น 5% ออสเตรเลีย 4% มาเลเซีย 1% อื่นๆอีก 1% โดยจะแบ่งเป็นอุตสหกรรม เช่น โรงาน ประมาณ 43% ห้างสรรพสินค้า หรือ ค้าปลีก 21% สำนักงานให้เช่า 14% ศูนย์สุขภาพ หรือ Healthcare 14% และโรงแรม 7% เป็นต้น นอกจากนี้ที่ดิน และ อสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ส่วนใหญ่เป็นของราชการจะให้เช่าในราคาที่ค่อนข้างถูกและเป็นระยะเวลานาน
และล่าสุดกับบลจ.กรุงไทย ที่ร่วมกับธนาคารซิตี้แบงก์ เตรียมเปิดตัว กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ ในวันนี้ (6กันยายน)อีกด้วย
ทั้งนี้แหล่งข่าวจากแวดวงกองทุนรวมหลายหนึ่ง เปิดเผยว่า การจะจัดตั้งกองทุนอสังหาฯในประเทศไทยนั้นคงต้องดูหลายอย่าง ต้องยอมรับว่าหากเป็นสินทรัพย์ดี อย่างเช่น ห้างสรรพสินค้าใหญ่ หรือโรงแรม 5 ดาว ที่ได้รับความนิยมมาจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาฯนั้นยากมาก หรือถ้ามีจะเห็นได้ว่าเป็นสินทรัพย์ประเภทริชโฮลด์เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงบางกองทุนมีสภาพคล่องน้อย ทำให้ในกองทุนอสังหาฯที่มีคุณภาพนั้นมีจำกัดมากในตลาดหุ้นไทย ซึ่งหากมีการตั้งกองทุนไปลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในต่างประเทศก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน รวมถึงการให้ผลตอบแทนที่น่าจูงใจในภาวะที่หุ้นทั่วโลกยังมีความผันผวนเช่นนี้ แต่สิ่งที่ต้องติดตามดูก็คือ ความเสี่ยงของสินทรัพย์ในแต่ละประเภท แต่ละประเทศ รวมถึงความเสี่ยงจากค่าเงินอีกด้วย
