ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.วรรณ ประเมิน เศรษฐกิจสิงคโปร์เติบโตต่อเนื่อง เป็นHub ด้านไอทีและการเงินของอาเซียน รวมทั้งเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์มีการเติบโต พร้อมส่งกองทุน" วรรณ พร็อพเพอร์ตี้ สิงคโปร์" เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ และประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ คาดเปิดขายไอพีโอประมาณต้นเดือนกันยายน
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าว่า เรามีกำหนดที่จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ พร็อพเพอร์ตี้ สิงคโปร์ (ONEPROP-SG) ประมาณต้นเดือนกันยายน 2554 ซึ่งกองทุนรวมนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการ (ก.ล.ต.) ในรอบปีที่ผ่านมาบลจ.วรรณ ประสบความสำเร็จจากการบริหารกองทุนเปิด วรรณ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส ฟันด์ หรือ ONE-PROP ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนเปิดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ มีผู้ลงทุนให้การต้อนรับอย่างดี ทำให้กองทุนเต็มมูลค่าโครงการ ดังนั้น บลจ.วรรณ จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ พร็อพเพอร์ตี้ สิงคโปร์ เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน พร้อมสร้างทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในต่างประเทศ
โดยกองทุนดังกล่าว มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Phillip Singapore Real Estate Income Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลัก ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนเปิด ONEPROP-SG มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ไม่เกินปีละ 4 ครั้ง จากจำนวนเงินที่จัดสรรจากเงินสดรับที่ได้จากเงินปันผลของกองทุนรวมต่างประเทศที่กองทุนไปลงทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนเป็นระยะๆ โดยกองทุนดังกล่าวไม่มีการปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน เนื่องจากค่าเงินบาทไทยมักจะล้อไปกับค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนอาจะได้รับส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน แต่หากค่าเงินมีความผันผวนมากทางบลจ.จะมีการปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน
นายมนรัฐ กล่าวต่อว่า สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่ภาคธุรกิจกอง Trust เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) นั้นมีการเติบโตที่ค่อนข้างสูงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและเป็นหนึ่งในตลาดที่มีมูลค่าตลาดของกองทุนลักษณะนี้มีสูงเป็นอันดับต้นๆในเอชีย ซึ่งประเทศสิงคโปร์เป็นฐานการผลิตที่สำคัญของอุตสหกรรมขนาดกลาง เช่น อิเลคทรอนิกส์ ยา และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งเป็นเป็นปัจจัยให้ธุรกิจโรงงานให้เช่า และโกดังเก็บสินค้าที่มีการเติบโตเป็นอย่างมาก
โดยเทรนด์ใน 3-5 ปีข้างหน้าอุตสหกรรมขนาดกลางจะเติบโตและมาแรงส่งผลให้อัตราการเช่าโรงงานของสิงคโปร์เติบโตมากขึ้น และเมื่อเทียบกับเขตปกครองพิเศษฮ่องกงยังพบว่าอัตราค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ค่อนข้างถูก
นอกจากนี้สิงคโปร์ยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคอาเซียนทำให้สถาบันการเงินต่างๆทั่วโลกมาตั้งสำนักงานใหญ่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญให้ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าและธุรกิจ Serviced apartment
ส่วนภาคการท่องเที่ยวนั้น สิงคโปร์มีพัฒนาการแหล่งท่องเที่ยวใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น Marina Bay Sand และสวนสนุก Universal Studios บนเกาะ Sentosa ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยภาพรวมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ถือว่าอนาคตและการเติบโตที่ดีอีกทั้งสถานภาพทางการเมืองที่มั่นคง
"Master fund ที่เราไปลงทุนนั้นจะเลือกลงทุนกอง REIT ของประเทศสิงคโปร์ 73% ฮ่องกง 9% อินโดนีเซีย 6% ญี่ปุ่น 5% ออสเตรเลีย 4% มาเลเซีย 1% อื่นๆอีก 1% โดยจะแบ่งเป็นอุตสหกรรม เช่น โรงาน ประมาณ 43% ห้างสรรพสินค้า หรือ ค้าปลีก 21% สำนักงานให้เช่า 14% ศูนย์สุขภาพ หรือ Healthcare 14% และโรงแรม 7% เป็นต้น นอกจากนี้ที่ดิน และ อสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ส่วนใหญ่เป็นของราชการจะให้เช่าในราคาที่ค่อนข้างถูกและเป็นระยะเวลานาน"นายมนรัฐกล่าว
อย่างไรก็ตามเรามองว่าช่วงเวลานี้ค่อนข้างเหมาะสมในการจัดตั้งกองทุนเข้าไปลงทุนในกองทุน REIT ซึ่งเราได้มีการเทียบดัชนี REIT กับ ดัชนีสเตรทไทม์ (STI) ของสิงคโปร์ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -4.25% ขณะที่สเตรทไทม์ -9.63% ย้อนหลัง 6 เดือนREIT อยู่ที่ -0.26% ส่วน STI อยู่ที่ -4.53% เมื่อเทียบตั้งต้นปีREIT -3.04% STI -9.82% ส่วนย้อนหลัง 1 ปี REIT อยู่ที่ 4.22 STI อยู่ที่ 1.47%
สำหรับกองทุนเปิด ONEPROP-SG สามารถซื้อได้ทุกวันทำการ และจะเปิดรับซื้อคืนทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องส่งคำสั่งขายคืนล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 วันทำการก่อนวันทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าว่า เรามีกำหนดที่จะเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ พร็อพเพอร์ตี้ สิงคโปร์ (ONEPROP-SG) ประมาณต้นเดือนกันยายน 2554 ซึ่งกองทุนรวมนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการ (ก.ล.ต.) ในรอบปีที่ผ่านมาบลจ.วรรณ ประสบความสำเร็จจากการบริหารกองทุนเปิด วรรณ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส ฟันด์ หรือ ONE-PROP ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนเปิดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ มีผู้ลงทุนให้การต้อนรับอย่างดี ทำให้กองทุนเต็มมูลค่าโครงการ ดังนั้น บลจ.วรรณ จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ พร็อพเพอร์ตี้ สิงคโปร์ เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน พร้อมสร้างทางเลือกในการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในต่างประเทศ
โดยกองทุนดังกล่าว มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Phillip Singapore Real Estate Income Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลัก ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนเปิด ONEPROP-SG มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล แต่จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ไม่เกินปีละ 4 ครั้ง จากจำนวนเงินที่จัดสรรจากเงินสดรับที่ได้จากเงินปันผลของกองทุนรวมต่างประเทศที่กองทุนไปลงทุน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนเป็นระยะๆ โดยกองทุนดังกล่าวไม่มีการปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน เนื่องจากค่าเงินบาทไทยมักจะล้อไปกับค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนอาจะได้รับส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน แต่หากค่าเงินมีความผันผวนมากทางบลจ.จะมีการปิดความเสี่ยงจากค่าเงิน
นายมนรัฐ กล่าวต่อว่า สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่ภาคธุรกิจกอง Trust เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) นั้นมีการเติบโตที่ค่อนข้างสูงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและเป็นหนึ่งในตลาดที่มีมูลค่าตลาดของกองทุนลักษณะนี้มีสูงเป็นอันดับต้นๆในเอชีย ซึ่งประเทศสิงคโปร์เป็นฐานการผลิตที่สำคัญของอุตสหกรรมขนาดกลาง เช่น อิเลคทรอนิกส์ ยา และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งเป็นเป็นปัจจัยให้ธุรกิจโรงงานให้เช่า และโกดังเก็บสินค้าที่มีการเติบโตเป็นอย่างมาก
โดยเทรนด์ใน 3-5 ปีข้างหน้าอุตสหกรรมขนาดกลางจะเติบโตและมาแรงส่งผลให้อัตราการเช่าโรงงานของสิงคโปร์เติบโตมากขึ้น และเมื่อเทียบกับเขตปกครองพิเศษฮ่องกงยังพบว่าอัตราค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ค่อนข้างถูก
นอกจากนี้สิงคโปร์ยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคอาเซียนทำให้สถาบันการเงินต่างๆทั่วโลกมาตั้งสำนักงานใหญ่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญให้ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าและธุรกิจ Serviced apartment
ส่วนภาคการท่องเที่ยวนั้น สิงคโปร์มีพัฒนาการแหล่งท่องเที่ยวใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น Marina Bay Sand และสวนสนุก Universal Studios บนเกาะ Sentosa ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยภาพรวมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ถือว่าอนาคตและการเติบโตที่ดีอีกทั้งสถานภาพทางการเมืองที่มั่นคง
"Master fund ที่เราไปลงทุนนั้นจะเลือกลงทุนกอง REIT ของประเทศสิงคโปร์ 73% ฮ่องกง 9% อินโดนีเซีย 6% ญี่ปุ่น 5% ออสเตรเลีย 4% มาเลเซีย 1% อื่นๆอีก 1% โดยจะแบ่งเป็นอุตสหกรรม เช่น โรงาน ประมาณ 43% ห้างสรรพสินค้า หรือ ค้าปลีก 21% สำนักงานให้เช่า 14% ศูนย์สุขภาพ หรือ Healthcare 14% และโรงแรม 7% เป็นต้น นอกจากนี้ที่ดิน และ อสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์ส่วนใหญ่เป็นของราชการจะให้เช่าในราคาที่ค่อนข้างถูกและเป็นระยะเวลานาน"นายมนรัฐกล่าว
อย่างไรก็ตามเรามองว่าช่วงเวลานี้ค่อนข้างเหมาะสมในการจัดตั้งกองทุนเข้าไปลงทุนในกองทุน REIT ซึ่งเราได้มีการเทียบดัชนี REIT กับ ดัชนีสเตรทไทม์ (STI) ของสิงคโปร์ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -4.25% ขณะที่สเตรทไทม์ -9.63% ย้อนหลัง 6 เดือนREIT อยู่ที่ -0.26% ส่วน STI อยู่ที่ -4.53% เมื่อเทียบตั้งต้นปีREIT -3.04% STI -9.82% ส่วนย้อนหลัง 1 ปี REIT อยู่ที่ 4.22 STI อยู่ที่ 1.47%
สำหรับกองทุนเปิด ONEPROP-SG สามารถซื้อได้ทุกวันทำการ และจะเปิดรับซื้อคืนทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องส่งคำสั่งขายคืนล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 วันทำการก่อนวันทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท