บลจ.ไทยพาณิชย์ ร่วมวงกองทุนทองคำ ส่ง 2 กองทุน "ไทยพาณิชย์โกลด์-ไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์" เปิดโอกาสลูกค้าเลือกลงทุนตามความเสี่ยง เปิดขายไอพีโอถึง 24 สิงหาคมนี้ "โชติกา" เชื่อ ยังมีปัจจัยหนุน ดันราคาทองคำในตลาดโลกไปต่อ พร้อมแนะแบ่งเงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 5-10 % ของพอร์ต โดยไม่ลืมปรับสัดส่วนลงทุน้เป็นระยะ
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้เปิดขายกองทุนทองคำพร้อมกัน 2 กองทุน คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ (SCB GOLD OPEN END FUND: SCBGOLD) ซึ่งไม่มีการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (SCB GOLD THB HEDGE OPEN END FUND: SCBGOLDH) ที่มีการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท โดยทั้งสองกองทุนมีมูลค่ากองทุนละ 5,000 ล้านบาท จะเสนอขายในช่วง IPO ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2554 โดยสามารถจองซื้อด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำแต่ละกองทุน 5,000 บาท
สำหรับการลงทุนของทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะมีนโยบายเหมือนกันคือ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust เป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งและจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (Exchange Traded Fund : ETF) โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิกองทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนหลังหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการจัดการให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ
โดยจุดเด่นของกองทุน SCBGOLD และกองทุน SCBGOLDH คือ การที่กองทุนลงทุนในประเทศสิงคโปร์ ทำให้สามารถซื้อขายได้ใกล้เคียงกับราคาปิดของตลาด ณ สิ้นวันนั้น และได้ NAV ในวันเดียวกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าตอบแทนนายหน้าซื้อขายในช่วงแรก ทำให้ค่าธรรมเนียม/ค่าใช้จ่ายรวมที่คิดจะอยู่ที่ระดับ 0.47% ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในขณะนี้ นอกจากนี้ กองทุนSPDR Gold Trust เป็นกองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใต้การบริหารโดย World Gold Trust Services, LLC ซึ่งถือหุ้นโดย World Gold Council (WGC) ที่เป็นองค์กรร่วมระหว่างบริษัทผู้ผลิตทองคำของโลก
นางโชติกากล่าวว่า การลงทุนในทองคำถือเป็นอีกทางเลือกของสินทรัพย์เสี่ยงที่น่าสนใจนอกเหนือจากการลงทุนในหุ้นโดยนักลงทุนสามารถเลือกได้ตามต้องการ ซึ่งกองทุน SCBGOLD เป็นกองทุนแบบที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนทองคำในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่า ส่วนกองทุน SCBGOLDH มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไม่น้อยกว่า 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนตลอดเวลา ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าในระยะยาวยังมีปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นมาจากความกังวลในความไม่แน่นอนของปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯและยุโรปส่งผลทำให้ Capital Fund Flow และราคาสินทรัพย์ต่างๆทั่วโลกมีความผันผวน ขณะที่ความกังวลที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง เนื่องจากรัฐบาลในหลายประเทศไม่สามารถใช้เครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ นักลงทุนจึงต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่เอาชนะเงินเฟ้อได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในปัจจุบันมีความผันผวนสูงกว่าอดีตมาก นักลงทุนจึงควรพิจารณาลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยแนะนำให้ใช้หลักการจัดสรรสินทรัพย์ในสัดส่วนที่เหมาะสมมาใช้ ทั้งนี้ แนะนำให้ลงทุนในทองคำในสัดส่วนไม่เกิน 5-10 % ของทรัพย์สินรวมและไม่ลืมปรับสัดส่วนการลงทุนให้กลับเข้าสู่กลยุทธ์หลักเป็นระยะๆ