บลจ. บัวหลวง ชี้กองทุนทองคำยังน่าสนใจ ต้องมีติดพอร์ตเพื่อกระจายการลงทุน แนะต้องลงทุนระยะกลางถึงยาว สร้างผลตอบแทนเยี่ยม เหตุเพราะปัญหาหนี้ยุโรปยังเป็นอุปสรรคอยุ่ กองทุน เผยกองทุน "บัวหลวงโกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ และบัวหลวงโกลด์ฟันด์" ยังให้ผลตอบแทนยังต่ำกว่าเบนซ์มาร์ก เหตุต้องการเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ถือหน่วยจึงไม่ได้ Fully invested
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยถึงกองทุนรวมทองคำว่า ขณะนี้ผลตอบแทนของกองทุนใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม แต่ต่ำกว่าเบนซ์มาร์ก เพราะต้องเผื่อสภาพคล่องให้กับผู้ถือหน่วยจึงไม่ได้ Fully invested (ลงทุนเต็ม) นอกจากนี้ ทางกองทุนทองคำของ บลจ. บัวหลวง ไม่ได้ทำการประกันความเสี่ยงสำหรับค่าเงินไว้ ซึ่งมีบางกองทุนในอุตสาหกรรมที่ทำเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายกองทุนที่ต้องการให้ผลตอบแทนสอดคล้องกับทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในประเทศ และเพื่อเป็นช่องทางในการกระจายการลงทุนสำหรับสินทรัพย์ที่ไม่ใช่เงินบาท (non BAHT asset) ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงสามารถใช้กองทุนทองคำลักษณะนี้เป็นเสมือนอีกเงินตราสกุลหนึ่งในตลาดโลกที่ไม่สามารถถูกพิมพ์เพิ่มขึ้นได้ตามความต้องการของธนาคารกลางเหมือนที่สหรัฐอเมริกาพิมพ์ดอลลาร์ออกมาโดยไม่มีทองคำมารองรับ
ทั้งนี้ การลงทุนทองคำยังมีความน่าสนใจอยู่ในระยะกลางถึงยาว เพราะปัญหาหนี้สาธารณะในประเทศยุโรปที่ต้องใช้เวลานานในการแก้ไข แนวโน้มการอ่อนค่าของดอลล่าร์ และบทบาทของธนาคารกลางที่เปลี่ยนจากผู้ขายสุทธิมาเป็นผู้ซื้อสุทธิในทองคำ ดังนั้น จึงควรมีการลงทุนทองคำติดพอร์ตไว้บ้างเป็นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง ทั้งนี้ ควรเป็นไปตามระดับความเสี่ยงที่รับได้ของนักลงทุนแต่ละราย
สำหรับกองทุนรวมทองคำของบริษัทมีให้นักลงทุนในเลือกสรรกัน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมบัวหลวงโกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์ฟันด์ โดยกองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนรวมต่างประเทศ ชื่อ SPDR Gold Trust ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และจัดตั้งและจัดการโดย World Gold Trust Services,LLC ที่ถือหุ้นโดย World Gold Council (WGC) ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร โดยกองทุนดังกล่าวได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทจัดการ จะทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศสิงคโปร์
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน หรือ ตามอัตราส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. จะประกาศกำหนด แต่ทั้งนี้ จะลงทุน ในต่างประเทศไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนหรือตามอัตราส่วน ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. จะประกาศกำหนด
สำหรับกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนรวมในต่างประเทศที่กองทุนเข้าไปลงทุน จัดตั้งกองทุน 2 พฤศจิกายน 2547 เป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าทรัพย์สินปัจจุบัน ประมาณ 56,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือครองทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 99.5% ขึ้นไป อยู่ประมาณ 1,200 ตัน นำหน่วยลงทุนไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยมีนโยบายที่มุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่ง เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนหลังหักค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการจัดการทั้งหมดของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ