ASTVผู้จัดการรายวัน - ปัญหาตะวันออกลางดันราคาน้ำมันสูงขึ้น รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง ทองคำ บลจ.กสิกร แนะ ระวังแรงขายทำกำไรออกมา และความผันผวนจากการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นจากปัญหาหนี้ยุโรป
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด รายงานว่า สถานการณ์ของทองคำ น้ำมัน ที่ปรับตัวขึ้น จากความไม่สงบในตะวันออกกลาง และปัญหาหนี้ในสหภาพยุโรป ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำ และน้ำมัน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้น มาทำสถิติสูงสุดอยู่ที่เหนือระดับ 1,460 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ในขณะที่ช่วงเดียวกัน ราคาสน้ำมันดิบ WTI กลับปรับตัวขึ้น มาอยู่ที่เหนือระดับ 110 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
ปัจจัยหลักๆที่ผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เริ่มมีความต้องการมากขึ้น และมีราคาปรับตัวขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมาคือ ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในลิเบีย ซึ่งยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และปัญหาหนี้ในยุโรป ที่เริ่มอยู่ในความสนใจของตลาดอีกครั้ง หลังจากโปรตุเกสต้องขอรับความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป
สำหรับกลุ่มสหภาพยุโรป หลังจากมีข่าวออกมาเป็นระยะว่า ประเทศโปรตุเกสกำลังประสบกับปัญหาทางด้านการเงิน เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณ รวมถึงภาระหนี้ของประเทศที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ท้ายที่สุด ทางการโปรตุเกสได้ตัดสินใจประกาศขอความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2554 ซึ่งนับเป็นประเทศที่ 3 ต่อจากกรีซ และไอร์แลนด์ โดยคาดการณ์ว่า โปรตุเกสจำเป็นต้องใช้เงินถึง 55,000 ล้านยูโรเพื่อชำระหนี้และรักษาเสถียรภาพของสถาบันการเงินในประเทศ ทำให้ตลาดเริ่มเกิดความกังวลว่า ปัญหาดังกล่าว จะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆที่ประสบปัญหาหนี้เช่นเดียวกัน เช่น เสปน หรือไม่ เนื่องจากโปรตุเกส และสเปน มีความเกี่ยวเนื่องกันทางด้านเศรษฐกิจและการเงินมาก ทำให้เกิดความกลัวว่า ปัญหาจากโปรตุเกสจะลุกลามไปยังสเปน และเนื่องจากเสปนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ในยุโรปอันดับ 4 หากปัญหาลุกลามต่อเนื่องมา ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของกลุ่มสหภาพยุโรปทั้งหมด
ผลกระทบจากเหตุการณ์ทั้งในตะวันออกกลางและยุโรป ได้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเห็นได้ชัด โดยทองคำ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในภาวะปัญหาเศรษฐกิจ ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความกังวลในยุโรป โดยปรับตัวขึ้นกว่า 3%จากกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาน้ำมัน ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ได้ปรับตัวขึ้นมาเหนือระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยปรับตัวขึ้นไปกว่า 10%
อย่างไรก็ดี เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งทองคำ และน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้วในช่วงนี้ จึงมีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรออกมาได้ ดังนั้น ผู้ลงทุนควรจะใช้ความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มขึ้น และต้องสามารถที่จะยอมรับความผันผวนจากการลงทุน ที่จะเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ทั้งปัญหาหนี้ยุโรป และความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งยังไม่คลี่คลายอยู่ได้ นอกจากนี้ สถานการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเอง ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้เสร็จสิ้น รวมถึงการที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2554 ก็จะเป็นปัจจัยที่กดดันให้นักลงทุนเกิดความกังวลมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้มีความผันผวนมากขึ้นได้อีก
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด รายงานว่า สถานการณ์ของทองคำ น้ำมัน ที่ปรับตัวขึ้น จากความไม่สงบในตะวันออกกลาง และปัญหาหนี้ในสหภาพยุโรป ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำ และน้ำมัน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้น มาทำสถิติสูงสุดอยู่ที่เหนือระดับ 1,460 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ในขณะที่ช่วงเดียวกัน ราคาสน้ำมันดิบ WTI กลับปรับตัวขึ้น มาอยู่ที่เหนือระดับ 110 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
ปัจจัยหลักๆที่ผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เริ่มมีความต้องการมากขึ้น และมีราคาปรับตัวขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมาคือ ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในลิเบีย ซึ่งยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และปัญหาหนี้ในยุโรป ที่เริ่มอยู่ในความสนใจของตลาดอีกครั้ง หลังจากโปรตุเกสต้องขอรับความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหภาพยุโรป
สำหรับกลุ่มสหภาพยุโรป หลังจากมีข่าวออกมาเป็นระยะว่า ประเทศโปรตุเกสกำลังประสบกับปัญหาทางด้านการเงิน เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณ รวมถึงภาระหนี้ของประเทศที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ท้ายที่สุด ทางการโปรตุเกสได้ตัดสินใจประกาศขอความช่วยเหลือทางด้านการเงินจากสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2554 ซึ่งนับเป็นประเทศที่ 3 ต่อจากกรีซ และไอร์แลนด์ โดยคาดการณ์ว่า โปรตุเกสจำเป็นต้องใช้เงินถึง 55,000 ล้านยูโรเพื่อชำระหนี้และรักษาเสถียรภาพของสถาบันการเงินในประเทศ ทำให้ตลาดเริ่มเกิดความกังวลว่า ปัญหาดังกล่าว จะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆที่ประสบปัญหาหนี้เช่นเดียวกัน เช่น เสปน หรือไม่ เนื่องจากโปรตุเกส และสเปน มีความเกี่ยวเนื่องกันทางด้านเศรษฐกิจและการเงินมาก ทำให้เกิดความกลัวว่า ปัญหาจากโปรตุเกสจะลุกลามไปยังสเปน และเนื่องจากเสปนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ในยุโรปอันดับ 4 หากปัญหาลุกลามต่อเนื่องมา ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของกลุ่มสหภาพยุโรปทั้งหมด
ผลกระทบจากเหตุการณ์ทั้งในตะวันออกกลางและยุโรป ได้ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเห็นได้ชัด โดยทองคำ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในภาวะปัญหาเศรษฐกิจ ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความกังวลในยุโรป โดยปรับตัวขึ้นกว่า 3%จากกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาน้ำมัน ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ได้ปรับตัวขึ้นมาเหนือระดับ 110 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยปรับตัวขึ้นไปกว่า 10%
อย่างไรก็ดี เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งทองคำ และน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้วในช่วงนี้ จึงมีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรออกมาได้ ดังนั้น ผู้ลงทุนควรจะใช้ความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มขึ้น และต้องสามารถที่จะยอมรับความผันผวนจากการลงทุน ที่จะเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ทั้งปัญหาหนี้ยุโรป และความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งยังไม่คลี่คลายอยู่ได้ นอกจากนี้ สถานการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเอง ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้เสร็จสิ้น รวมถึงการที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2554 ก็จะเป็นปัจจัยที่กดดันให้นักลงทุนเกิดความกังวลมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้มีความผันผวนมากขึ้นได้อีก