ASTVผู้จัดการรายวัน-นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิป มองปัญหาตะวันออกกลางโดยเฉพาะลิเบีย หนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น แนะเก็บสะสมกองทุนน้ำมันและกองทุนทองคำเข้าพอร์ต เมื่อเห็นราคาอ่อนตัว
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล นักวิเคราะห์กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เราคาดว่าสัปดาห์นี้ ตลาดโดยรวมมีโอกาสปรับตัวผันผวนต่อไป แม้ว่าสถานการณ์ในญี่ปุ่นดูจะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น แต่ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือยังคงสร้างแรงกดดัน และหนุนให้ราคาน้ำมันกลับไปยืนเหนือ100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล์ ซึ่งถือเป็นจุดขายทำกำไรจุดแรกและระวังหรืออาจ Cut loss หากราคาต่ำกว่า 95 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล์ กองทุนที่แนะนำยังคงเป็นกองทุนที่ใช้ราคา NAV ของกองทุน DOB ในคืนวันซื้อขายในการอ้างอิงอย่างเช่นกองทุน K-OIL ของบลจ.กสิกรไทย และ ASP-OIL ของบลจ. แอสเซทพลัส
ขณะที่ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้ภายหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและสภาพคล่องสูงทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไรทองคำ แต่สถานการณ์การประท้วงที่ยังคงยืดเยื้อในตะวันออกกลางและปัญหาหนี้ยุโรปทำให้ทองคำกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เรามองราคาทองคำยังคงอยู่ที่แนวโน้มขาขึ้น แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว โดยมองเป้าหมายราคาทองคำอยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์ ซึ่งกองทุนที่แนะนำคือ K-GOLD ของบลจ.กสิกรไทย ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล และASP-GOLD ที่ไม่มีการจ่ายเงินปันผล โดยทั้งสองกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทยยังคงแนะนำต่อเนื่องแบบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเรามองว่าการที่ดัชนีฯซื้อขายเหนือ 1,000 จุดเป็นจังหวะที่ดีนการพิจรณาสับเปลี่ยนไปยังกองทุนความเสี่ยงต่ำอย่าง 1SMORT-LTF ของบลจ.วรรณ และกองทุน KSDLTF ของบลจ.กสิกรไทย ส่วนการลงในกองทุนต่างประเทศยังคงเน้นตลาดเกิดใหม่ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ ด้วยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ มากกว่ากลุ่ม G3 ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น
โดยกองทุนที่แนะนำยังคงเป็น ABGEM ปละ ABAPAC สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบ growth story ของจีน ยังคงแนะนำ TMBCHEQ สำหรับการเกร็งกำไรดัชนีเซี่ยงไฮ้ A-share ตลาดหุ้นจีน ส่วนการลงทุนระยะยาวแนะนำกองทุน ABCG ของบลจ.อเบอร์ดีน แต่อย่างไรก็ตามการลงทุนในจีนเหมาะสำรหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูง
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เราก็ยังคงเน้นตลาดเกิดใหม่เช่นกัน กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศแนะนำเป็น TMB Global Bond Fund ของบลจ.ทหารไทย ซึ่งเป็นกองทุนหลัก (Master Fund) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งและไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล นักวิเคราะห์กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เราคาดว่าสัปดาห์นี้ ตลาดโดยรวมมีโอกาสปรับตัวผันผวนต่อไป แม้ว่าสถานการณ์ในญี่ปุ่นดูจะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น แต่ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือยังคงสร้างแรงกดดัน และหนุนให้ราคาน้ำมันกลับไปยืนเหนือ100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล์ ซึ่งถือเป็นจุดขายทำกำไรจุดแรกและระวังหรืออาจ Cut loss หากราคาต่ำกว่า 95 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล์ กองทุนที่แนะนำยังคงเป็นกองทุนที่ใช้ราคา NAV ของกองทุน DOB ในคืนวันซื้อขายในการอ้างอิงอย่างเช่นกองทุน K-OIL ของบลจ.กสิกรไทย และ ASP-OIL ของบลจ. แอสเซทพลัส
ขณะที่ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้ภายหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและสภาพคล่องสูงทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไรทองคำ แต่สถานการณ์การประท้วงที่ยังคงยืดเยื้อในตะวันออกกลางและปัญหาหนี้ยุโรปทำให้ทองคำกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เรามองราคาทองคำยังคงอยู่ที่แนวโน้มขาขึ้น แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว โดยมองเป้าหมายราคาทองคำอยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่ออนซ์ ซึ่งกองทุนที่แนะนำคือ K-GOLD ของบลจ.กสิกรไทย ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล และASP-GOLD ที่ไม่มีการจ่ายเงินปันผล โดยทั้งสองกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นไทยยังคงแนะนำต่อเนื่องแบบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเรามองว่าการที่ดัชนีฯซื้อขายเหนือ 1,000 จุดเป็นจังหวะที่ดีนการพิจรณาสับเปลี่ยนไปยังกองทุนความเสี่ยงต่ำอย่าง 1SMORT-LTF ของบลจ.วรรณ และกองทุน KSDLTF ของบลจ.กสิกรไทย ส่วนการลงในกองทุนต่างประเทศยังคงเน้นตลาดเกิดใหม่ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ ด้วยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ มากกว่ากลุ่ม G3 ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น
โดยกองทุนที่แนะนำยังคงเป็น ABGEM ปละ ABAPAC สำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบ growth story ของจีน ยังคงแนะนำ TMBCHEQ สำหรับการเกร็งกำไรดัชนีเซี่ยงไฮ้ A-share ตลาดหุ้นจีน ส่วนการลงทุนระยะยาวแนะนำกองทุน ABCG ของบลจ.อเบอร์ดีน แต่อย่างไรก็ตามการลงทุนในจีนเหมาะสำรหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูง
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เราก็ยังคงเน้นตลาดเกิดใหม่เช่นกัน กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศแนะนำเป็น TMB Global Bond Fund ของบลจ.ทหารไทย ซึ่งเป็นกองทุนหลัก (Master Fund) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งและไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน
