บลจ.ไอเอ็นจี จัดโปรโมชั่นเอาใจนักลงทุน “ยิ้มเพิ่มมากขึ้นกับ Cash Back 150 บาทต่อทุกยอดลงทุน 1 แสนบาท” กระตุ้นยอดขายกองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ ที่ลงทุนระหว่างวันที่ 1 ก.ย.ถึง 14 ต.ค.นี้
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ได้จัดโปรโมชั่น “ยิ้มเพิ่มมากขึ้นกับ Cash Back” สำหรับผู้ลงทุนใน กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ โดยทุกๆ ยอดการลงทุน 1 แสนบาท จะได้รับ Cash Back 150 บาท เมื่อลงทุนในกองทุนดังกล่าวระหว่างวันที่ 1 กันยายนถึง 14 ตุลาคม 2554 โดยผู้ถือหน่วยลงทุนต้องถือครองหน่วยลงทุนจนถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ เป็นกองทุนผสมที่ลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศ โดยกำหนดให้มีการลงทุนในหุ้นในช่วงระหว่างไม่เกิน 65% แต่ไม่น้อยกว่า 35% ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ โดยผู้จัดการกองทุนจะพยายามปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อทำให้กองทุนมีผลการดำเนินที่ดีที่เกิดจากการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสมดุล (Portfolio Rebalancing)
นายต่อ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน และยังเป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยหากพิจารณาผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (18 กรกฎาคม 2540) จนถึง 29 กรกฎาคม 2554 กองทุนมีผลตอบแทนรวม 319.30% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 115.70% โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังต่อปีอยู่ที่ 30.86% และในปี 2553 กองทุนมีผลตอบแทนรวม 27.49% ขณะที่ดัชนีเปรียบเทียบอยู่ที่ 21.03% แต่หากพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี จะพบว่า ผลตอบแทนกองทุนอยู่ที่ 19.10% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบซึ่งอยู่ที่ 16.01%
สำหรับกองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ ยังเป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ หากนับรวมเงินปันผลทั้งหมดที่จ่ายมารวม 19 ครั้ง จำนวนรวม 15.6070 บาทต่อหน่วย แต่หากพิจารณาเฉพาะปี 2554 เราสามารถจ่ายเงินปันรวม 1.4220 บาทต่อหน่วย อีกทั้งกองทุนยังได้ MorningStar Rating (Overall) 4-ดาว (ข้อมูล ณ 31 กรกฎาคม 2554) (www.morningstarthailand.com) เราเชื่อว่า กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ ฟันด์ จะยังคงเป็นทางเลือกที่ดี อีกทั้ง เรายังคงมีความมุ่งมั่นที่จะบริหารกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีและต่อเนื่องต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้บลจ.ไอเอ็นจีได้จัดแคมเปญ “สบาย กับรูปแบบการลงทุนง่ายๆ แต่สมดุล ที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนให้คุณได้ยิ้ม 30” เพื่อตอกย้ำการสร้างผลตอบแทนที่ดีของกองทุนที่ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังได้ 30.86% ต่อปี และได้จัดโปรโมชั่น “ยิ้มเพิ่มมากขึ้นกับ Cash Back 150 บาท” ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุน นอกเหนือไปจากผลตอบแทนจากเงินปันผลที่จ่ายอย่างสม่ำเสมอ นายต่อกล่าว
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายต่อ ได้วิเคราะห์ถึงการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ว่า แม้ว่าทิศทางของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะยังคงเป็นไปอย่างผันผวน จากความกังวลในเรื่องวิกฤติการคลังในสหรัฐอเมริกา การปรับลดความน่าเชื่อถือ ที่ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของสหรัฐอเมริกา และวิกฤติหนี้ในยุโรปที่ยังไม่มีข้อสรุปหรือแนวทางในการช่วยเหลือที่ชัดเจน จึงทำให้ความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มสั่นคลอน
แต่ บลจ.ไอเอ็นจี ก็ยังเชื่อว่า การลงทุนในตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะไทยยังคงเป็นทางเลือกที่ดี จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังคงมีพื้นฐานแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผลประกอบการณ์ของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะในไตรมาส 2/2554 เติบโตถึง 38% YoY ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ และยังมองว่าแนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาส 3/2554 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการผลิตภายในประเทศที่กลับมาผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายหลังผลกระทบจากภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่นบรรเทาลง อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลที่เอื้อต่อการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศซึ่งจะส่งผลบวกกระจายไปในทุกกลุ่มธุรกิจ ขณะที่บางสำนักวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่มการคาดการณ์ดัชนีราคาหุ้นไทยจะขึ้นไปสู่ระดับประมาณ 1,320 จุดในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยแนวโน้มหลักยังมีการเติบโตได้ แต่อาจจะมีการปรับตัวจากความผันผวนในตลาดโลกเป็นระยะๆ
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าทิศทางของตลาดหุ้นยังคงเป็นไปอย่างผันผวน ดัชนีราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นลงโดยมีกรอบการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น ตามสัญญาณของเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และยุโรปที่มีความไม่แน่นอน ทำให้จังหวะการเข้าลงทุนในหุ้นมีความสำคัญอย่างมาก
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท ได้จัดโปรโมชั่น “ยิ้มเพิ่มมากขึ้นกับ Cash Back” สำหรับผู้ลงทุนใน กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ โดยทุกๆ ยอดการลงทุน 1 แสนบาท จะได้รับ Cash Back 150 บาท เมื่อลงทุนในกองทุนดังกล่าวระหว่างวันที่ 1 กันยายนถึง 14 ตุลาคม 2554 โดยผู้ถือหน่วยลงทุนต้องถือครองหน่วยลงทุนจนถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ เป็นกองทุนผสมที่ลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศ โดยกำหนดให้มีการลงทุนในหุ้นในช่วงระหว่างไม่เกิน 65% แต่ไม่น้อยกว่า 35% ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ โดยผู้จัดการกองทุนจะพยายามปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อทำให้กองทุนมีผลการดำเนินที่ดีที่เกิดจากการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสมดุล (Portfolio Rebalancing)
นายต่อ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน และยังเป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยหากพิจารณาผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (18 กรกฎาคม 2540) จนถึง 29 กรกฎาคม 2554 กองทุนมีผลตอบแทนรวม 319.30% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 115.70% โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังต่อปีอยู่ที่ 30.86% และในปี 2553 กองทุนมีผลตอบแทนรวม 27.49% ขณะที่ดัชนีเปรียบเทียบอยู่ที่ 21.03% แต่หากพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี จะพบว่า ผลตอบแทนกองทุนอยู่ที่ 19.10% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบซึ่งอยู่ที่ 16.01%
สำหรับกองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ ยังเป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ หากนับรวมเงินปันผลทั้งหมดที่จ่ายมารวม 19 ครั้ง จำนวนรวม 15.6070 บาทต่อหน่วย แต่หากพิจารณาเฉพาะปี 2554 เราสามารถจ่ายเงินปันรวม 1.4220 บาทต่อหน่วย อีกทั้งกองทุนยังได้ MorningStar Rating (Overall) 4-ดาว (ข้อมูล ณ 31 กรกฎาคม 2554) (www.morningstarthailand.com) เราเชื่อว่า กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ ฟันด์ จะยังคงเป็นทางเลือกที่ดี อีกทั้ง เรายังคงมีความมุ่งมั่นที่จะบริหารกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีและต่อเนื่องต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้บลจ.ไอเอ็นจีได้จัดแคมเปญ “สบาย กับรูปแบบการลงทุนง่ายๆ แต่สมดุล ที่สร้างโอกาสรับผลตอบแทนให้คุณได้ยิ้ม 30” เพื่อตอกย้ำการสร้างผลตอบแทนที่ดีของกองทุนที่ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังได้ 30.86% ต่อปี และได้จัดโปรโมชั่น “ยิ้มเพิ่มมากขึ้นกับ Cash Back 150 บาท” ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุน นอกเหนือไปจากผลตอบแทนจากเงินปันผลที่จ่ายอย่างสม่ำเสมอ นายต่อกล่าว
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายต่อ ได้วิเคราะห์ถึงการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ว่า แม้ว่าทิศทางของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะยังคงเป็นไปอย่างผันผวน จากความกังวลในเรื่องวิกฤติการคลังในสหรัฐอเมริกา การปรับลดความน่าเชื่อถือ ที่ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของสหรัฐอเมริกา และวิกฤติหนี้ในยุโรปที่ยังไม่มีข้อสรุปหรือแนวทางในการช่วยเหลือที่ชัดเจน จึงทำให้ความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มสั่นคลอน
แต่ บลจ.ไอเอ็นจี ก็ยังเชื่อว่า การลงทุนในตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะไทยยังคงเป็นทางเลือกที่ดี จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังคงมีพื้นฐานแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผลประกอบการณ์ของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะในไตรมาส 2/2554 เติบโตถึง 38% YoY ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ และยังมองว่าแนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาส 3/2554 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการผลิตภายในประเทศที่กลับมาผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายหลังผลกระทบจากภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่นบรรเทาลง อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลที่เอื้อต่อการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศซึ่งจะส่งผลบวกกระจายไปในทุกกลุ่มธุรกิจ ขณะที่บางสำนักวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่มการคาดการณ์ดัชนีราคาหุ้นไทยจะขึ้นไปสู่ระดับประมาณ 1,320 จุดในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยแนวโน้มหลักยังมีการเติบโตได้ แต่อาจจะมีการปรับตัวจากความผันผวนในตลาดโลกเป็นระยะๆ
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าทิศทางของตลาดหุ้นยังคงเป็นไปอย่างผันผวน ดัชนีราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นลงโดยมีกรอบการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น ตามสัญญาณของเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และยุโรปที่มีความไม่แน่นอน ทำให้จังหวะการเข้าลงทุนในหุ้นมีความสำคัญอย่างมาก