บลจ.กสิกรไทยปรับโฉมกองเก่า ใส่ลุ๊คใหม่ให้กองบาลานซ์ฟันด์ ส่งK-GA ขาย 7 กรกฎาคมนี้ หวังเอาใจลูกค้ากลัวความผันผวนของหุ้นและเศรษฐกิจ ชูผลงานกองแม่ที่จะเข้าลงทุนสุดแจ่ม วิกฤตซับไพร์มติดลบแค่ 2% หลังจากนั้นโตบวกกว่า 100% ในปี 2003-2007
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว โดยไม่ต้องกังวลถึงความผันผวนของเศรษฐกิจ และแนวโน้มของตลาดหุ้น บริษัทได้เตรียมทำการเปิดขายกองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะลงทุนในกองทุนหลักต่างประเทศได้แก่ กองทุน กองทุน BGF-Global Allocation Fund ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก และปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การลงทุนถึง 5 แสนล้านบาท
สำหรับกองทุนหลังที่บริษัทจะนำเงินไปลงทุนจะบริหารการโดยบริษัท BlackRockซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการสินทรัพย์ทั่วโลกและมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
"“จุดเด่นของกองนี้คือที่พอร์ตการลงทุนแบบผสม กระจายการลงทุนไปในหุ้นและตราสารหนี้ในภูมิภาคต่างๆ พร้อมการปรับสัดส่วนการลงทุนอย่างเหมาะสมใน จะเห็นได้จาก ผลการดำเนินงานท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2000-2002 ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกที่ติดลบไปกว่า 40% ขณะที่ผลการดำเนินงานของกองทุนหลักติดลบเพียง 2% ต่อมาเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 2003-2007 แม้ตลาดตราสารหนี้จะยังคงซบเซา กองทุนหลักก็ยังสามารถให้ผลตอบแทนถึง 111.10%"นายพัชรกล่าว
นายพัชร กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดขายกองทุนนี้จะเป็นควมร่วมมือกับธนาคารซิตี้แบงก์ในฐานะผู้สนับสนุนการขาย โดยน่าจะเริ่มซื้อขายได้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมนี้ ส่วนยอดการเข้าซื้อนั้นทางบริษัทไม่ได้คาดหวังมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมากองทุนประเภทนี้นักลงทุนยังให้ความสนใจไม่มากนัก แต่เชื่อว่าน่าจะทำยอดขายได้ในระดับประมาณ 300 ล้านบาทได้ หลังจากได้รับความร่วมือดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม กองทุนที่จะทำการเปิดขายนี้ไม่ใช่กองทุนใหม่ แต่เป็นกองทุนเดิมที่บริษัทมีอยู่แล้วแต่นำมาปรับปรุงรูปแบบการลงทุน และกองทุนหลักที่จะเข้าลงทุนใหม่ โดยกองทุน K-GA เดิมคือ กองทุนเปิดรวงข้าวโกลบัล บาลานซ์ (RKGB) ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของกองทุนแรกของไทยที่มีการลงทุนในต่างประเทศและเสนอขายให้ประชาชนทั่วไป มีนโยบายเน้นลงทุนใน กองทุนหลักในต่างประเทศภายใต้การบริหารของ BlackRock
โดยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2545 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่มีนโยบายให้กองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศได้โดยเสรี และเปิดให้ผู้ลงทุนซื้อ-ขายได้เพียงปีละ 1 ครั้ง
ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนทั้งรายเดิมและรายใหม่สามารถซื้อ-ขายกองทุนดังกล่าวได้ทุกวันทำการเช่นเดียวกันกับกองทุนต่างประเทศอื่นๆ ในปัจจุบันบริษัทจึงได้ดำเนินการเพิกถอนกองทุนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะเริ่มซื้อ-ขายในนามกองทุน K-GA ได้ตามเวลาที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
ด้าน นายวีเจย์ ศิวะรามัน ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า สำหรับมุมมองของธนาคารซิตี้แบงก์ เชื่อว่าการลงทุนในหุ้นน่าจะมีผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากเนื่องจากระดับราคาที่เหมาะสม อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และผลประกอบการที่มี แนวโน้มดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายได้ของบริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตที่ดีกว่าประมาณการ โดยส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่สูงขึ้นและบริษัทจดทะเบียนยังคงมีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย
“เราเชื่อว่าสภาวะที่ไร้ทิศทางของตลาดหุ้นนั้นเป็นปกติในช่วงเวลานี้ของวงจรเศรษฐกิจ ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามกำไรต่อหุ้น มากกว่าการขึ้นอย่างรวดเร็ว เราได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของ กำไรต่อหุ้นของหุ้นโลกในปีนี้เป็น 18% และ 11% ในปีหน้า เป้าหมายใหม่สิ้นปีของดัชนีหุ้นโลก MSCI World อยู่ที่ 380 เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 360กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ คือการอย่าไล่ราคาเมื่อหุ้นปรับตัวสูงขึ้น โดยเราเชื่อว่านักลงทุนที่ลงทุนในระยะเวลานี้ น่าจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 10% ณ สิ้นปี"นายวีเจย์กล่าว