xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรไทยปลื้มกำไรพุ่ง60% เล็งปลายQ3คลอดETFทองคำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-กสิกรโชว์กำไรพุ่ง 60% เชื่อการเมืองไม่เป็นปัจจัยลบหากไม่เกิดความรุนแรง เล็งเดินหน้าเปิดขายกองทุนเพิ่ม ทั้งกองสตรัคเจอร์ฟันด์ และ กองทุนETF ทองคำ ระบุปลายQ3นี้เห็นแน่กองETF ทองคำ หลังเตรียมความพร้อมใกล้เสร็จทุกด้าน

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ความเห็นด้านการเมืองและสถานการณ์การเลือกตั้งหลังจากนี้คงจะไม่มีอะไร และเชื่อว่าถ้าไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นคงไม่มีผลกระทบออกมามากนัก โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทยังคงมีแผนการเปิดขายกองทุนอีกอย่างต่อเนื่อง และกองที่คาดว่าจะทำการเปิดขายจะมีทั้งกองทุนประเภท ETF และกองทุนสตรัคเจอร์ฟันด์ ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ยังไม่มีแผนชัดเจนในการเปิดขาย ซึ่งคงจะต้องดูให้มีสภาพคล่องกลับเข้ามาในส่วนนี้มากขึ้นก่อน

ทั้งนี้ กองทุนสตรัคเจอร์ฟันด์ที่บริษัทจะทำการเสนอขายน่าจะเป็นกองที่คุ้มครองเงินต้น ซึ่งอาจจะลิ้งค์ผลตอบแทนกับราคาทองคำ โดยที่จะนำเงินบางส่วนที่ได้นอกเหนือจากการปิดความเสี่ยงของเงินต้นไปซื้อผลตอบแทนเพิ่มเติมในส่วนนี้

ส่วนการจัดตั้งกองทุนETF ทองคำนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ และคาดว่าจะทำการเปิดขายได้ประมาณปลายไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งการกองETF ทองคำภายในประเทศ นั้นยังมีต้นทุนในการเก็บรักษา เนื่องจากจะต้องมีทองคำเป็นพื้นฐานของหน่วยลงทุน โดยขณะนี้ได้บริษัทที่จะทำการเก็บรักษาทองคำในส่วนนี้แล้ว ส่วนด้านการขายนั้น ร้านค้าทองจะเป็นอีกส่วนที่จะเข้ามาร่วมด้วยและขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการเจรจา

"เราเจรจากับร้านทองแล้ว ซึ่งไม่ใช่ว่าเราบังคับให้เขาเลือกของเรา แลัวไม่เลือกเจ้าอื่น ซึ่งเรามีหน้าที่ออกสินค้าแล้วให้เขานำไปขาย โดยกองETF ทองคำขณะนี้มีความพร้อมแล้วทั้งในเรื่องของระบบ แบล็คออฟฟิศ และการยื่นไฟลิ่ง"นายพัชรกล่าว

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการอออกกองทุนETF คงจะไม่ทับซ้อนกับกองทุนทองคำอย่าง K-gold เนื่องจากสามารถทำการซื้อขายและกำหนดราคาได้ระหว่างวัน นอกจากนี้ยังไม่ต้องกังวลในเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เพราะเป็นกองทองทุนคำภายในประเทศ ซึ่งการเปิดขายกองทุนนี้เป็นกลยุทธ์หนึ่งของบริษัทที่จะต้องมีสินค้าให้หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

นายพัชร กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดี เนื่องจากบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร(AUM)ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 6.34 แสนล้านบาท ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 6.88 แสนล้านบาท โดยผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจะมาจาก 2 ส่วนด้วยกันคือ ค่าธรรมเนียมในการบริหารกองทุน และอีกส่วนจะมาจากการลดภาระค่าใช้จ่ายที่ทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมา

ส่วนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของเอยูเอ็มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนรวมอีกเล็กน้อยที่บริษัทยังสามารถเก็บเงินลงทุนของกองพันธบัตรเกาหลีที่ทยอยครบกำหนดเข้ามาลงทุนในกองระยะสั้นประเภท 3 เดือนและ 6 เดือน

"ตอนนี้กองเกาหลีของเราเหลืออยู่ประมาณ 6 หมื่นล้านที่จะทยอยครบกำหนดจากเดิมที่เรามีอยู่ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท และที่ผ่านมาเราเก็บได้หมดและมีเพิ่มบางมาลงในกอง 3 เดือน 6 เดือน ซึ่งนักลงทุนตอนนี้ถือว่าเขาเลือกถูกเพราะเราแนะนำให้ลงสั้นๆ เหมือนกัน"นายพัชรกล่าว

อย่างไร็ตาม นายพัชร กล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อระดมเงินฝากนับเป็นอุปสรรคที่เข้ามาดึงเงินในระบบของธุรกิจกองทุนรวมออกไป ซึ่งปัจจุบันกองมันนี่มาร์เก็ตของบริษัทได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่คงไม่มากนักเพราะนักลงทุนเริ่มเข้าใจกองประเภทนี้และใช้เป็นที่พักเงินลงทุนมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น