บลจ.ไอเอ็นจี แนะนักลงทุนลงกองทุนผสมหุ้นและตราสารหนี้ ช่วยกระจายความเสี่ยงจากลงทุนในภาวะที่หุ้นผันผวน มั่นใจหุ้นไทยยังเติบโตต่อแต่ต้องระวังความผันผวน ล่าสุดเตรียมปันผลกองทุน"ไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์"ในอัตราละ 0.25 บาทต่อหน่วย ผู้ถือหน่วยเฮรับพร้อมกันในวันที่ 12 ก.ย.นี้
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าทิศทางของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะยังคงเป็นไปอย่างผันผวน จากความกังวลในเรื่องวิกฤติการคลังในสหรัฐอเมริกา การปรับลดความน่าเชื่อถือ ที่ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของสหรัฐอเมริกา และวิกฤติหนี้ในยุโรปที่ยังไม่มีข้อสรุปหรือแนวทางในการช่วยเหลือที่ชัดเจน จึงทำให้ความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มสั่นคลอน
แต่ บลจ.ไอเอ็นจี ก็ยังเชื่อว่า การลงทุนในตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะไทยยังคงเป็นทางเลือกที่ดี จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังคงมีพื้นฐานแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผลประกอบการณ์ของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะในไตรมาส 2/2554 เติบโตถึง 38% YoY ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ และยังมองว่าแนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาส 3/2554 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการผลิตภายในประเทศที่กลับมาผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายหลังผลกระทบจากภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่นบรรเทาลง อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลที่เอื้อต่อการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศซึ่งจะส่งผลบวกกระจายไปในทุกกลุ่มธุรกิจ ขณะที่บางสำนักวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่มการคาดการณ์ดัชนีราคาหุ้นไทยจะขึ้นไปสู่ระดับประมาณ 1,320 จุดในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยแนวโน้มหลักยังมีการเติบโตได้ แต่อาจจะมีการปรับตัวจากความผันผวนในตลาดโลกเป็นระยะๆ
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าทิศทางของตลาดหุ้นยังคงเป็นไปอย่างผันผวน ดัชนีราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นลงโดยมีกรอบการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น ตามสัญญาณของเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และยุโรปที่มีความไม่แน่นอน ทำให้จังหวะการเข้าลงทุนในหุ้นมีความสำคัญอย่างมาก ดังนั้น เราคิดว่า กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่มีความเหมาะสมกับภาวะการลงทุนที่มีความผันผวน เพราะเป็นกองทุนผสมที่ลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศ
โดยกำหนดให้มีการลงทุนในหุ้นในช่วงระหว่างไม่เกิน 65% แต่ไม่น้อยกว่า 35% ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ โดยผู้จัดการกองทุนจะพยายามปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นในสอดคล้องกับสถานการณ์ กล่าวคือ ในช่วงที่ภาวะหุ้นดีก็จะลงทุนหุ้นในสัดส่วนที่มาก และ หากว่าภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย ก็จะลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลง ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในทุกสภาวะตลาด โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในหุ้นในระดับที่สูงตลอดเวลา จึงทำให้กองทุนมีผลการดำเนินที่ดีที่เกิดจากการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสมดุล (Portfolio Rebalancing)
สำหรับกองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน และยังเป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยหากพิจารณาผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (18 กรกฎาคม 2540) ถึง 29 ก.ค.2554 กองทุนมีผลตอบแทนรวม 319.30% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 115.70% โดยในปี 2553 กองทุนมีผลตอบแทนรวม 27.49% ขณะที่ดัชนีเปรียบเทียบอยู่ที่ 21.03% แต่หากพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ผลตอบแทนกองทุนอยู่ที่ 19.10% ดัชนีเปรียบเทียบที่ 16.01% โดยในวันที่ 31 สิงหาคม 2554 กองทุนได้มีการปิดสมุดทะเบียนเพื่อจ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 19 สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 ถึง 31 กรกฎาคม 2554 โดยจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย ซึ่งหากนับรวมเงินปันผลทั้งหมดที่จ่ายมาครั้งนี้จะมีจำนวนรวมถึง 15.607 บาทต่อหน่วย แต่หากพิจารณาเฉพาะปี 2554 เราสามารถจ่ายเงินปันรวม 1.4220 บาทต่อหน่วย
“หากมองสถานการณ์การลงทุนในอีก 1-3 ปีข้างหน้า เราเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถเติบโตได้ ด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความผันผวนของตลาดก็จะมีสูงมากเช่นกัน ดังนั้น หากต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เราเชื่อว่า กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ ฟันด์ จะยังคงเป็นทางเลือกที่ดี และผู้ที่ต้องการรับกระแสเงินสดจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ” นายต่อกล่าว
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าทิศทางของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะยังคงเป็นไปอย่างผันผวน จากความกังวลในเรื่องวิกฤติการคลังในสหรัฐอเมริกา การปรับลดความน่าเชื่อถือ ที่ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของสหรัฐอเมริกา และวิกฤติหนี้ในยุโรปที่ยังไม่มีข้อสรุปหรือแนวทางในการช่วยเหลือที่ชัดเจน จึงทำให้ความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มสั่นคลอน
แต่ บลจ.ไอเอ็นจี ก็ยังเชื่อว่า การลงทุนในตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะไทยยังคงเป็นทางเลือกที่ดี จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังคงมีพื้นฐานแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผลประกอบการณ์ของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะในไตรมาส 2/2554 เติบโตถึง 38% YoY ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ และยังมองว่าแนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาส 3/2554 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการผลิตภายในประเทศที่กลับมาผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายหลังผลกระทบจากภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่นบรรเทาลง อีกทั้งนโยบายของรัฐบาลที่เอื้อต่อการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศซึ่งจะส่งผลบวกกระจายไปในทุกกลุ่มธุรกิจ ขณะที่บางสำนักวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่มการคาดการณ์ดัชนีราคาหุ้นไทยจะขึ้นไปสู่ระดับประมาณ 1,320 จุดในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยแนวโน้มหลักยังมีการเติบโตได้ แต่อาจจะมีการปรับตัวจากความผันผวนในตลาดโลกเป็นระยะๆ
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าทิศทางของตลาดหุ้นยังคงเป็นไปอย่างผันผวน ดัชนีราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นลงโดยมีกรอบการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น ตามสัญญาณของเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และยุโรปที่มีความไม่แน่นอน ทำให้จังหวะการเข้าลงทุนในหุ้นมีความสำคัญอย่างมาก ดังนั้น เราคิดว่า กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่มีความเหมาะสมกับภาวะการลงทุนที่มีความผันผวน เพราะเป็นกองทุนผสมที่ลงทุนทั้งในหุ้นและตราสารหนี้ในประเทศ
โดยกำหนดให้มีการลงทุนในหุ้นในช่วงระหว่างไม่เกิน 65% แต่ไม่น้อยกว่า 35% ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในตราสารหนี้ โดยผู้จัดการกองทุนจะพยายามปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นในสอดคล้องกับสถานการณ์ กล่าวคือ ในช่วงที่ภาวะหุ้นดีก็จะลงทุนหุ้นในสัดส่วนที่มาก และ หากว่าภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย ก็จะลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลง ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในทุกสภาวะตลาด โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในหุ้นในระดับที่สูงตลอดเวลา จึงทำให้กองทุนมีผลการดำเนินที่ดีที่เกิดจากการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสมดุล (Portfolio Rebalancing)
สำหรับกองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน และยังเป็นกองทุนที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยหากพิจารณาผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (18 กรกฎาคม 2540) ถึง 29 ก.ค.2554 กองทุนมีผลตอบแทนรวม 319.30% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 115.70% โดยในปี 2553 กองทุนมีผลตอบแทนรวม 27.49% ขณะที่ดัชนีเปรียบเทียบอยู่ที่ 21.03% แต่หากพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ผลตอบแทนกองทุนอยู่ที่ 19.10% ดัชนีเปรียบเทียบที่ 16.01% โดยในวันที่ 31 สิงหาคม 2554 กองทุนได้มีการปิดสมุดทะเบียนเพื่อจ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 19 สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 ถึง 31 กรกฎาคม 2554 โดยจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย ซึ่งหากนับรวมเงินปันผลทั้งหมดที่จ่ายมาครั้งนี้จะมีจำนวนรวมถึง 15.607 บาทต่อหน่วย แต่หากพิจารณาเฉพาะปี 2554 เราสามารถจ่ายเงินปันรวม 1.4220 บาทต่อหน่วย
“หากมองสถานการณ์การลงทุนในอีก 1-3 ปีข้างหน้า เราเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังสามารถเติบโตได้ ด้วยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความผันผวนของตลาดก็จะมีสูงมากเช่นกัน ดังนั้น หากต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เราเชื่อว่า กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ ฟันด์ จะยังคงเป็นทางเลือกที่ดี และผู้ที่ต้องการรับกระแสเงินสดจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ” นายต่อกล่าว