xs
xsm
sm
md
lg

เตือนอย่างวางใจสินทรัพย์เสี่ยง กูรูชี้ยังผันผวนต่อหลังศก.โลกชะลอตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-นักวิเคราะห์กองทุนรวมประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว หลังนักลงทุนยังกังวลปัญหาหนี้สหรัฐฯและยุโรป พร้อมประเมินสินทรัพย์เสี่ยงยังผันผวนต่อแม้ระยะสั้นจะปรับตัวขึ้นบ้างเล็กน้อย พร้อมประเมินราคาทองคำทดสอบแนวรับที่ 1,600 US$/oz.

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ระยะสั้นความชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาหนี้สหรัฐทำให้ความกังวลในการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงลดลง คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะตอบรับข่าวดีดังกล่าว และปรับตัวขึ้นในระยะสั้น ขณะที่เราอาจเห็นการขายทำกำไรในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่าง ทองคำ ซึ่งหลังจากแตะระดับสูงสุดในสัปดาห์ก่อน ราคาทองคำคาดว่าจะปรับตัวลดลงทดสอบแนวรับ 1,600 US$/oz. อย่างไรก็ตาม เรายังมองว่าปัญหาหนี้ยุโรปมีโอกาสกลับมาสร้างแรงกดดันกับตลาดอีกครั้ง จากปัญหาที่ลุกลามไปยังประเทศอิตาลีและสเปน ทำให้เราเชื่อว่าการปรับฐานของทองคำจะเป็นเพียงระยะสั้น แนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น จึงยังคงแนะนำสะสมกองทุนทองคำต่อหากราคาปรับตัวลดลงแรง แนวรับ 1,580-1,600 US$/oz.

โดยกองทุนแนะนำยังคงเป็นกองทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-GOLD ของบลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ.Asset Plus (ไม่มีการจ่ายปันผล) สำหรับกองทุนน้ำมันมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเรามองแนวโน้มราคาน้ำมันแกว่งตัวเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาพเศรษฐกิจโลกยังไม่สนับสนุนราคาน้ำมันให้ปรับตัวขึ้นแรงได้ เราจึงคงคำแนะนำเพียงเก็งกำไร ขึ้นขาย-ลงซื้อ ด้วยความระมัดระวัง มองแนวรับไว้ที่ 95 US$/bbl. และแนวต้านที่ 101 US$/bbl. กองทุนแนะนำยังคงเป็นกองทุน K-OIL ของบลจ.กสิกรไทย และ ASP-OIL ของ บลจ. Asset Plus ตามเดิม

ในส่วนของตลาดหุ้น ระยะสั้นคลายความกังวลเรื่องเพดานหนี้สหรัฐเช่นกัน แต่เรามองว่าปัญหายังไม่ได้จบลง การเติบโตของเศรษฐกิจยังชะลอตัว ปัญหาหนี้ยุโรปยังต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด ทำให้ระยะสั้น-กลาง เราเชื่อว่าตลาดหุ้นทั่วโลกยังต้องเผชิญกับความผันผวนโดยเฉพาะตลาดในประเทศพัฒนาแล้ว แต่หากมองถึงการลงทุนระยะยาวแล้วเรายังคงเชื่อมั่นการเติบโตของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แนะนำทยอยสะสมกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ กองทุนที่แนะนำได้แก่ ABGEM และ ABAPAC สำหรับกองทุนจีนที่แนะนำยังคงเป็น ABCG ทั้งสามกองบริหารโดยบลจ.อเบอร์ดีน ซึ่งเรายังคงเชื่อมั่นในการเลือกบริษัทและประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุน ในส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ยังคงแนะนำสะสมกองทุน Thanachart Global Bond ของบลจ.ธนชาต หรือ TMB Global Bond Fund ของบลจ.ทหารไทย ซึ่งมีกองทุนหลัก (Master Fund) เป็นกองเดียวกัน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง

ทั้งนี้แนวโน้ม SET เรายังคงคาดว่า SET จะแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,150 จุด หากผ่านได้เรามองเป้าหมายการแกว่งขึ้นถัดไปที่ 1,250 จุด สำหรับนักลงทุน LTF เราคงคำแนะนำ Wait & See ไปก่อน เเละสำหรับนักลงทุนที่ได้สับเปลี่ยนออกจากกองทุน LTF ความผันผวนต่ำแล้ว แนะนำ Let Profit Run และระมัดระวังหาก SET ไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,150 ไปได้

อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ตลาดหุ้นยังถูกกดดันด้วยเรื่องเพดานหนี้สหรัฐที่ยังคงไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่ความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาก็ดูจะมีไม่มากนักแม้จะเข้าใกล้กำหนดวันที่ 2 สค. แล้วก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและกดดันตลาดหุ้นสหรัฐอย่างหนัก ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะรายงานตัวเลข GDP Growth ที่เติบโตเพียง 1.3% ในไตรมาส 2/54 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 1.8% นอกจากนี้ ยังมีการปรับลดตัวเลข GDP Growth ของไตรมาส 1/54 ลงจากเดิม 1.9% เหลือเพียง 0.4% สะท้อนภาพที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจครึ่งปีแรกของสหรัฐอ่อนแอลง

ส่วนยุโรปในขณะที่สเปนได้รับคำเตือนเกี่ยวกับการปรับลด Credit Rating ก็เริ่มเห็นแรงกังวลล่ามไปยังอิตาลี หลังต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีพุ่งแรงในการประมูลพันธบัตรครั้งล่าสุดในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บวกกับข่าวลบจากทางสหรัฐ อย่างไรก็ดี ในที่สุดเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามเวลาของสหรัฐ สภาคองเกรสก็มีมติอนุมัติผ่านแผนปรับเพิ่มเพดานหนี้ เราจึงคาดว่าในสัปดาห์นี้ ตลาดน่าจะได้รับผลบวกจากข่าวดังกล่าว แต่อาจเห็นความผันผวนจากแรงเก็งกำไรผลประกอบการได้เป็นระยะเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น