ASTVผู้จัดการายวัน-โบรกเกอร์กองทุนรวมประเมิน สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังผันผวนต่อเหตุปัญหาหนี้เสียในยุโปรยังเป็นปัจจัยหลัก ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดทองคำมีโอกาสผันผวนในกรอบ 1,481-1,565 US$/oz.
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ, การปรับลดเครดิตเรตติ้งโปรตุเกสสู่สถานะขยะ และเงินเฟ้อในจีนบดบังบรรยากาศที่ดีขึ้นในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เราคาดว่าราคาสินทรัพย์เสี่ยงในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวผันผวน ยกเว้นทองคำที่กลับได้รับแรงหนุนจากปัจจัยดังกล่าว
โดยคาดว่าราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง หลังลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,480 US$/oz. อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ได้สะสมทองคำขณะที่ราคาทองคำปรับตัวใกล้แนวรับตามคำแนะนำเดิมของเราก่อนหน้า เรายังคงแนะนำให้รอดูสถานการณ์ต่อไป โดยเรามองว่าราคาทองคำมีโอกาสผันผวนในกรอบ 1,481-1,565 US$/oz. ต่อไป
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสะสมกองทุนทองคำเพิ่ม เราแนะนำให้สะสมกองทุนทองคำเมื่อราคาทองคำอ่อนตัว โดยกองทุนทองคำที่แนะนำยังคงเป็นกองทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-GOLD ของ บลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ.Asset Plus (ไม่มีการจ่ายปันผล) สำหรับกองทุนน้ำมัน เราแนะนำเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง มองแนวรับไว้ที่ 95 US$/bbl. และ 91 US$/bbl. และแนวต้านที่ 100-105 US$/bbl. กองทุนแนะนำยังคงเป็นกองทุน K-OIL ของบลจ.กสิกรไทย และ ASP-OIL ของบลจ. Asset Plus ตามเดิม
ส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศ เรามองว่าระยะสั้นตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงต้องเผชิญความผันผวนจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ, ปัญหาหนี้ยุโรป และภาวะเงินเฟ้อ แต่ระยะยาวเรายังเชื่อมั่นการลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แนะนำทยอยสะสมกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ กองทุนที่แนะนำได้แก่ ABGEM และ ABAPAC สำหรับกองทุนจีนที่แนะนำยังคงเป็น ABCG ทั้งสามกองบริหารโดยบลจ.อเบอร์ดีน ซึ่งเรายังคงเชื่อมั่นในการเลือกบริษัทและประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุน ในส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ยังคงแนะนำ ทยอยสะสมกองทุน Thanachart Global bond ของบลจ.ธนชาต หรือ TMB Global Bond Fund ของบลจ.ทหารไทย ซึ่งมีกองทุนหลัก (Master Fund) เป็นกองเดียวกัน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
ขณะที่แนวโน้ม SETI ระยะสั้นพักตัวหลังดีดกลับแรง แต่แนวโน้มหลักยังเป็นขาขึ้นและมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,110-1,150 จุด ระยะกลางถึงยาวยังต้องจับตาการจัดตั้งรัฐบาลและทิศทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
สำหรับนักลงทุน LTF เราแนะนำ Wait & See ไปก่อน เเละสำหรับนักลงทุนที่ได้สับเปลี่ยนออกจากกองทุน LTF ความผันผวนต่ำแล้ว แนะนำ Let Profit Run และสับเปลี่ยนกลับเข้ากองทุน LTF ความผันผวนต่ำ หาก SETI ปรับตัวเข้าใกล้แนวต้าน
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ, การปรับลดเครดิตเรตติ้งโปรตุเกสสู่สถานะขยะ และเงินเฟ้อในจีนบดบังบรรยากาศที่ดีขึ้นในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้เราคาดว่าราคาสินทรัพย์เสี่ยงในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวผันผวน ยกเว้นทองคำที่กลับได้รับแรงหนุนจากปัจจัยดังกล่าว
โดยคาดว่าราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง หลังลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,480 US$/oz. อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ได้สะสมทองคำขณะที่ราคาทองคำปรับตัวใกล้แนวรับตามคำแนะนำเดิมของเราก่อนหน้า เรายังคงแนะนำให้รอดูสถานการณ์ต่อไป โดยเรามองว่าราคาทองคำมีโอกาสผันผวนในกรอบ 1,481-1,565 US$/oz. ต่อไป
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการสะสมกองทุนทองคำเพิ่ม เราแนะนำให้สะสมกองทุนทองคำเมื่อราคาทองคำอ่อนตัว โดยกองทุนทองคำที่แนะนำยังคงเป็นกองทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่าง K-GOLD ของ บลจ.กสิกรไทย (มีนโยบายจ่ายปันผล) และ ASP-GOLD ของบลจ.Asset Plus (ไม่มีการจ่ายปันผล) สำหรับกองทุนน้ำมัน เราแนะนำเก็งกำไรด้วยความระมัดระวัง มองแนวรับไว้ที่ 95 US$/bbl. และ 91 US$/bbl. และแนวต้านที่ 100-105 US$/bbl. กองทุนแนะนำยังคงเป็นกองทุน K-OIL ของบลจ.กสิกรไทย และ ASP-OIL ของบลจ. Asset Plus ตามเดิม
ส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศ เรามองว่าระยะสั้นตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงต้องเผชิญความผันผวนจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ, ปัญหาหนี้ยุโรป และภาวะเงินเฟ้อ แต่ระยะยาวเรายังเชื่อมั่นการลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แนะนำทยอยสะสมกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ กองทุนที่แนะนำได้แก่ ABGEM และ ABAPAC สำหรับกองทุนจีนที่แนะนำยังคงเป็น ABCG ทั้งสามกองบริหารโดยบลจ.อเบอร์ดีน ซึ่งเรายังคงเชื่อมั่นในการเลือกบริษัทและประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุน ในส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ยังคงแนะนำ ทยอยสะสมกองทุน Thanachart Global bond ของบลจ.ธนชาต หรือ TMB Global Bond Fund ของบลจ.ทหารไทย ซึ่งมีกองทุนหลัก (Master Fund) เป็นกองเดียวกัน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
ขณะที่แนวโน้ม SETI ระยะสั้นพักตัวหลังดีดกลับแรง แต่แนวโน้มหลักยังเป็นขาขึ้นและมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,110-1,150 จุด ระยะกลางถึงยาวยังต้องจับตาการจัดตั้งรัฐบาลและทิศทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
สำหรับนักลงทุน LTF เราแนะนำ Wait & See ไปก่อน เเละสำหรับนักลงทุนที่ได้สับเปลี่ยนออกจากกองทุน LTF ความผันผวนต่ำแล้ว แนะนำ Let Profit Run และสับเปลี่ยนกลับเข้ากองทุน LTF ความผันผวนต่ำ หาก SETI ปรับตัวเข้าใกล้แนวต้าน