ASTVผู้จัดการรายวัน-LMG ประกันภัยลั่นกวาดเบี้ยทั้งปี 5 พันล้านบาท หลังครึ่งแรกเบี้ยโตกว่า 30% หรือ 2.4 พันล้านบาท ระบุอานิสงส์ตลาดรถยนต์ฟื้นช่วงไตรมาส 4 ช่วยหนุน พร้อมเดินหน้ารุกขายช่องทางใหม่ ผ่านเทเลมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น
นายจอห์น ฟู ประธานบริหารสูงสุด บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทสามารถทำเบี้ยรับรวมเติบโตสูงถึง 30% หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 2,400 ล้านบาท และคาดว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทจะสามารถทำเบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้นที่ระดับ 5,000 ล้านบาทได้แน่นอน เนื่องจากเชื่อว่าผลกระทบจากสึนามิของประเทศญี่ปุ่นน่าจะคลี่คลายได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ทำให้การผลิตอะไหล่และส่งมอบรถยนต์กลับมาเป็นปกติ ส่งผลให้การทำประกันภัยรถยนต์มีการเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้
“เบี้ยรับรวมของบริษัทช่วงครึ่งแรกของปีนี้ยอมรับว่าเติบโตค่อนข้างดีมากและสูงกว่าตลาดที่เติบโตอยู่ที่ระดับ 10% ขณะที่เบี้ยรับดังกล่าวของบริษัทเติบโตสูงถึง 30% ทั้งนี้ เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมไปถึงการทำตลาดของบริษัทที่เน้นทุกช่องทางมากขึ้น”นายจอห์น กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีปัจจัยบวกมากขึ้นรวมไปถึงการเดินหน้าการทำการตลาดต่างๆอย่างจริงจังมากขึ้น ส่งผลให้เบี้ยรับรวมในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังถือว่าประสบควาาสำเร็จในการรักษาฐานลูกค้า โดยมีการต่ออายุกรมธรรม์ของบริษัทช่วงครึ่งแรกของปีนี้สูงถึงระดับ 70% โดยหลังจากนี้บริษัทจะพยายามรักษาฐานลูกค้าและส่วนแบ่งตลาดในส่วนประกันภัยรถยนต์ให้อยู่ในอันดับที่ 3 ของธุรกิจโดยรวมต่อไป
นายจอห์น กล่าวอีกว่า ในส่วนของการขยายช่องทางการจำหน่ายล่าสุด บริษัทได้มีการทำการตลาดช่องทางใหม่คือเทเลมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งบริษัทได้มีการจัดตั้งทีมที่มีพนักงานอยู่ประมาณ 100 คนเพื่อทำการเสนอขายกรมธรรม์อุบัติเหตุ(PA) กับลูกค้าทางโทรศัพท์ที่เป็นลูกค้าบัตรเครดิตอิออน และเชื่อว่าช่องทางนี้น่าจะมีการเติบโตได้ดี โดยหลังจากนี้บริษัทจะทยอยทำการออกสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการผ่านทางช่องทางนี้มากขึ้น หลังพบว่าคนมีรายได้ระดับกลางถึงล่างเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองมากขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านตัวแทน บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มตัวแทนการขายกรมธรรม์ให้ได้เฉลี่ยปีละ 200-300 คน จากปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนประมาณ 2,000-3,000 คน
ส่วนการออกสินค้าใหม่ขณะนี้บริษัทเตรียมทำการออกสินค้าเพิ่มทั้งในส่วน มอเตอร์ และนอนมอเตอร์ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)
นอกจากนี้ นายจอห์น ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ในส่วนของการทำตลาดบริษัทจะไม่เน้นในเรื่องของการตัดราคา แต่จะเน้นในการบริการและสินค้าให้ตรงความต้องการของลูกค้า โดยในส่วนของการปรับอัตราค่าเบี้ยของบริษัทยอมรับว่า ได้มีการปรับค่าเบี้ยดังกล่าวขึ้นไปแล้วประมาณ 2% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับตลาดที่มีการปรับอัตราดังกล่าวที่ระดับ 3-4% สาเหตุหลักที่บริษัทปรับอัตราค่าเบี้ยไม่สูงมากนั้น เนื่องจาก เป็นการแบ่งเบาภาระให้กับลูกค้า โดยบริษัทหันมาลดต้นทุนในส่วนอื่นแทน
สำหรับการลดต้นทุนส่วนใหญ่จะเป็นการลดในด้านการบริหาร ซึ่งล่าสุดได้มีการเปิดให้บริการด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเป็นผู้นำในด้านการบริการสินไหมด้วยการนำอุปกรณ์ Tablet Pc มาใช้ในการอำนวยความสะดวก เพื่อลดขึ้นตอนและเพิ่มความรวดเร็วให้มากยิ่งขึ้น โดยหลังจากดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งพบว่าสามารถลดต้นทุนการบริหารในด้านนี้ได้ถึง 2% ต่อปี หรือประมาณ 90 ล้านบาท
นายจอห์น ฟู ประธานบริหารสูงสุด บริษัท แอลเอ็มจี ประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทสามารถทำเบี้ยรับรวมเติบโตสูงถึง 30% หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 2,400 ล้านบาท และคาดว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทจะสามารถทำเบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้นที่ระดับ 5,000 ล้านบาทได้แน่นอน เนื่องจากเชื่อว่าผลกระทบจากสึนามิของประเทศญี่ปุ่นน่าจะคลี่คลายได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ทำให้การผลิตอะไหล่และส่งมอบรถยนต์กลับมาเป็นปกติ ส่งผลให้การทำประกันภัยรถยนต์มีการเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้
“เบี้ยรับรวมของบริษัทช่วงครึ่งแรกของปีนี้ยอมรับว่าเติบโตค่อนข้างดีมากและสูงกว่าตลาดที่เติบโตอยู่ที่ระดับ 10% ขณะที่เบี้ยรับดังกล่าวของบริษัทเติบโตสูงถึง 30% ทั้งนี้ เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมไปถึงการทำตลาดของบริษัทที่เน้นทุกช่องทางมากขึ้น”นายจอห์น กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีปัจจัยบวกมากขึ้นรวมไปถึงการเดินหน้าการทำการตลาดต่างๆอย่างจริงจังมากขึ้น ส่งผลให้เบี้ยรับรวมในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังถือว่าประสบควาาสำเร็จในการรักษาฐานลูกค้า โดยมีการต่ออายุกรมธรรม์ของบริษัทช่วงครึ่งแรกของปีนี้สูงถึงระดับ 70% โดยหลังจากนี้บริษัทจะพยายามรักษาฐานลูกค้าและส่วนแบ่งตลาดในส่วนประกันภัยรถยนต์ให้อยู่ในอันดับที่ 3 ของธุรกิจโดยรวมต่อไป
นายจอห์น กล่าวอีกว่า ในส่วนของการขยายช่องทางการจำหน่ายล่าสุด บริษัทได้มีการทำการตลาดช่องทางใหม่คือเทเลมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งบริษัทได้มีการจัดตั้งทีมที่มีพนักงานอยู่ประมาณ 100 คนเพื่อทำการเสนอขายกรมธรรม์อุบัติเหตุ(PA) กับลูกค้าทางโทรศัพท์ที่เป็นลูกค้าบัตรเครดิตอิออน และเชื่อว่าช่องทางนี้น่าจะมีการเติบโตได้ดี โดยหลังจากนี้บริษัทจะทยอยทำการออกสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการผ่านทางช่องทางนี้มากขึ้น หลังพบว่าคนมีรายได้ระดับกลางถึงล่างเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองมากขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนของการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านตัวแทน บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มตัวแทนการขายกรมธรรม์ให้ได้เฉลี่ยปีละ 200-300 คน จากปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนประมาณ 2,000-3,000 คน
ส่วนการออกสินค้าใหม่ขณะนี้บริษัทเตรียมทำการออกสินค้าเพิ่มทั้งในส่วน มอเตอร์ และนอนมอเตอร์ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)
นอกจากนี้ นายจอห์น ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ในส่วนของการทำตลาดบริษัทจะไม่เน้นในเรื่องของการตัดราคา แต่จะเน้นในการบริการและสินค้าให้ตรงความต้องการของลูกค้า โดยในส่วนของการปรับอัตราค่าเบี้ยของบริษัทยอมรับว่า ได้มีการปรับค่าเบี้ยดังกล่าวขึ้นไปแล้วประมาณ 2% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับตลาดที่มีการปรับอัตราดังกล่าวที่ระดับ 3-4% สาเหตุหลักที่บริษัทปรับอัตราค่าเบี้ยไม่สูงมากนั้น เนื่องจาก เป็นการแบ่งเบาภาระให้กับลูกค้า โดยบริษัทหันมาลดต้นทุนในส่วนอื่นแทน
สำหรับการลดต้นทุนส่วนใหญ่จะเป็นการลดในด้านการบริหาร ซึ่งล่าสุดได้มีการเปิดให้บริการด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อเป็นผู้นำในด้านการบริการสินไหมด้วยการนำอุปกรณ์ Tablet Pc มาใช้ในการอำนวยความสะดวก เพื่อลดขึ้นตอนและเพิ่มความรวดเร็วให้มากยิ่งขึ้น โดยหลังจากดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งพบว่าสามารถลดต้นทุนการบริหารในด้านนี้ได้ถึง 2% ต่อปี หรือประมาณ 90 ล้านบาท