xs
xsm
sm
md
lg

KTAMมองตลาดหุ้นไทยยังคึกคัก แต่ห่วงนโยบายรัฐบาลเร่งเงินเฟ้อพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย ประเมินหุ้นไทยยังมีแนวโน้มขยับขึ้นหลังปัจจัยเศรษฐกิจโลกคลี่คลาย ปัญหาการเมืองภายในประเทศคลายความกังวลไปได้ คาดดัชนีฯมีกรอบแกว่งตัวระหว่าง1,040- 1,150 จุด ล่าสุดรับห่วงนโยบายรัฐบาลใหม่ทำเงินเฟ้อพุ่ง
 

รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในตลาดทุนของเดือนกรกฏาคม คาดว่าดัชนีฯมีแนวโน้มขยับขึ้นได้หลังจากปรับฐานลงมา 2 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากปัจจัยลบที่มีอยู่ในเดือนมิถุนายน คลี่คลายในทางบวก ได้แก่ การที่รัฐสภากรีซมีมติรับรองร่างกฎหมายรัดเข็มขัดระยะ 5 ปีฉบับที่ 2 ซึ่งเป็นข้อกำหนดในการรับเงินกู้งวดที่ 5 มูลค่า 1.2 หมื่นล้านยูโรจาก EU-IMF ทำให้กรีซจะสามารถหลีกเลี่ยงการผิดชำระหนี้ได้

นอกจากนี้การสิ้นสุด QE2 ไม่ได้ทำให้สภาพคล่องในระบบต้องลดลงไปในทันทีโดยเฟคยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินไว้ รวมทั้งความกังวลต่ออัตราเงินฟ้อที่ลดลงเมื่อราคาน้ำมันอ่อนตัวลงมา ในขณะที่ปัจจัยภายในผลการเลือกตั้งที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งอย่างเป็นเอกฉันท์ทำให้ผลเป็นที่ยอกมรับกับทุกฝ่าย เปิดทางการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งมีเวลาประมาณ 2 เดือนที่จะอยู่ในช่วงปลอดข่าวลบทางการเมือง การลงทุนจึงแนะนำที่จะได้รับผลดีจากนโยบายภาครัฐ ที่กระตุ้นการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดีในครึ่งปีหลัง

โดยดัชนีฯมีการอบแกว่งตัวระหว่าง 1,040- 1,150 จุด ปัจจัยที่ติดตามได้แก่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการประชุมธนาคารกลางยุโรปและของประเทศไทย รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนภายหลังได้เห็นผู้ที่จะเข้ามารับผิดชอบนโยบายและกระทรวงเศรษฐกิจไทย

ขณะที่แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในเดือนนี้นั้นคาดว่าภายหลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ซึ่งสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับสถานะทางการเมืองในประเทศ อาจจะทำให้กระแสของเงินทุนไหลกลับเข้ามาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งจะยิ่งทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้นเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นพันธบัตรที่นักลงทุนต่างประเทศนิยมมากกว่าพันธบัตรอายุยาว

อย่างไรก็ตามเมื่อดู supply ใหม่ที่จะออกมาในเดือนกรกฎาคม จะเห็นว่ามูลค่าการประมูลลดลง 38% และยังคงมีอุปสงค์ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องจากเงินทุนที่ไหลกลับมาจากกองทุนตราสารหนี้ของประเทศเกาหลีใต้ และอาจทำให้อัตราผลตอบแทนไม่ปรับตัวขึ้นมากนัก

ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในช่วงนี้ยังน่าจะผันผวนจากความกังวลต่อปัญหาการขยายเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯเป็นสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการตดลงกันได้ภายใน 2 สิงหาคมนี้ โดยถ้าสหรัฐฯสามารถขยายเพดานหนี้สาธารณะได้ ความเสี่ยงในตลาดการเงินโลกก็จะลดลงไป ทำให้ความน่าสนใจการลงทุนในทองคำลดลงไปด้วย

ทั้งนี้ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปยังอาจจะปะทุขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ กรีซจำเป็นต้องได้นับเงินช่วยเหลืออีกหลายครั้ง รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือรอบที่ 2 ด้วย ขณะที่ประเทศอื่นๆในยุโรปยังอาจจะเผชิญกับการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำในระยะถัดไป ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันคาดว่าจะทรงตัวอยู่ประมาณ 95-100 USD/บาร์เรล เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยที่จะเข้ามาทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีน

ฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย ระบุต่อว่า การที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งโดยได้ส.ส. 265 คน (อย่างไม่เป็นทางการ) และเป็นแกนนพในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้การเมืองน่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น นับเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงในประเทศหลังจากมีความไม่แน่นอนทางการเมืองมานาน และน่าจะทำให้ประเทศไทยอยู่ใน Honeymoon period ใน 1-2 เดือนข้างหน้าสร้างความมั่นใจมากขึ้นต่อทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน แต่หลังจากนั้นยังต้องติดตามการผลักดันนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตามนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี โดยนโยบายการเพิ่มศักยภาพในหลานด้านก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อนไทยสามารถแข่งขันได้ในเศรษฐกิจโลก แต่ปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลใหม่เผชิญคือการควบคุมเงินเฟ้อที่สูงในปัจจับัน

นอกจากนี้การกระตุ้นเศรษฐกิจที่มากเกินไปก็อาจทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต และหลายนโยบายของพรรคเพื่อไทยเองก็น่าจะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เงินเดือนผู้จบปริญญาตรี เป็นต้น จึงต้องติดตามการดำเนินนโยบายของรัฐบาลควบคู่ไปกับการทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยว่าจะมีแนวทางสอดคล้องกันหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น