หลายครั้ง หลายๆคนในสังคม อาจมีแนวการวัด “ธรรมะ-อธรรม” ที่ไม่เหมือนกัน มีข้อมูล และชุดความคิดที่ไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าใครจะถือว่าฝ่ายไหนเป็นธรรมะ ฝ่ายไหนเป็นอธรรม ดูเหมือนหัวข้อในวันนี้ คือ “เสียงธรรมะแตก...อธรรมจะครองเมือง”
ผมเป็นคริสเตียน ผมทราบว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จึงได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” พระองค์ทรงมาช่วยโลก ด้วยการมาไถ่บาป และให้อภัย เพื่อนำให้มนุษย์ เรียนรู้ที่จะกลับใจใหม่ และเลือกทางสว่างต่อไปในอนาคต
ผมคิดว่าคงเป็นความสร้างสรรค์ ที่ผมจะเขียนบทความสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้ง เพื่อกระตุ้นแสงสว่างขึ้นในสังคม ผมคิดว่า ในระยะนี้ มีข้อมูลดีๆที่อาจจะทำให้เราชื่นใจ และข้อมูลสำหรับการแก้ไข เพื่อปรับปรุงให้ทุกอย่างดีขึ้นหลายประการ ดังนี้
1. รัฐบาลอภิสิทธิ์ “พูดเก่ง”...แล้วก็เห็น. “ทำได้ดี” ด้วยเมื่อโลกต้องเผชิญวิกฤตการเงินที่สุดในรอบกว่า 50-60 ปี จากที่นักวิชาการบางพรรคบอกว่า “ไทยจะแย่ที่สุดในโลก” แต่เรากลับมียอดคนว่างงานต่ำกว่า 1% สหรัฐฯ - ยุโรป ประมาณ 9% หนี้ภาครัฐของเราต่ำว่า 40% แล้ว แต่ที่สหรัฐเป็นยอดสูงถึง 93% และในยุโรปหลายแห่งเกิน 100% เมื่อเศรษฐกิจดีแล้ว รัฐบาลก็ควรมีวินัยลดหนี้ลงเช่นนี้ก็ดีแล้ว
ข่าวดีคือ จากการจัดอันดับของโลก ตามกองทุนสำรองระหว่างประเทศ ไทยเรามีทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย เมื่อเดือน เมษายน 2011 ที่ผ่านมา ที่ประมาณ 190,000 ล้านเหรียญ สูงสุดในประวัติศาสตร์ไทย เทียบกับยุคตกต่ำสุดในปี 2540 ในรัฐบาลบิ๊กจิ๋ว ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ เข้าไปช่วยเป็นรองนายกประมาณ 2 เดือนสุดท้าย ทุนสำรองเหลือสุทธิเพียงประมาณ 7,000 ล้านเหรียญเท่านั้น !!
2. ปัญหา “ของแพง” ก็ด้วยความจริงที่ว่า “ของแพงทั่วโลก” ราคาน้ำมันในตลาดโลกเปลี่ยนไปแล้ว จาก 40-50 เหรียญต่อบาเรลในอดีต มาเป็นกว่า 100 เหรียญ ราคาพืชเกษตรเพิ่มขึ้นมากถ้วนหน้าทั่วโลก เพราะบางส่วนจะเป็นพลังงานทดแทน อาหารสัตว์จึงมีราคาขึ้น ราคาอาหารเป็นที่รู้กันว่า ขึ้นมากทั่วโลก แต่ของไทยเราก็มีมาตรการต่างๆมาช่วย เช่นเรื่อง ควบคุมราคาก๊าซหุงต้ม น้ำมันดีเซล ฯลฯ ก็ยังรักษาอยู่ได้ที่ 4% ที่จีน 5.5 % เวียดนาม (ประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งมักใช้นโยบายช่วยให้คนมีรายได้เท่าเทียมกัน กลับอ่อนแอ ค่าเงินอ่อน) เงินเฟ้อสูงถึง 12% !!
3. คนไทยไม่มีแบ่งชนชั้น ทหารไทยไม่ใช่ศัตรูประชาชน แผลหนึ่งในสังคม คือการสร้างอารมณ์ “ไพร่-อำมาตย์” ผมก็เป็นระดับไพร่ คนส่วนใหญ่ก็เป็นระดับไพร่ พ่อผมซื้อของไปขายตามจังหวัดต่างๆ แม่ผมเช่าร้านขายของ แม้พ่อเสียไป แม่ก็ต้องดูแลลูกๆ 5 คนให้เรียนให้จบอย่างเข้มแข็ง สังคมไทยนี้ดี ชนชั้น “ไพร่” ก็ได้โอกาสเสมอ ไม่ถูกดูถูก ไม่ถูกเหยียดหยาม ไม่ถูกเอาเปรียบ ทุกคนมีโอกาสเติบโตในแผ่นดินไทยอย่างเท่าเทียมกัน
เจ้าหน้าที่รัฐย่อมไม่ต้องการเผชิญหน้าประชาชน เพียงเมื่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องต้องถูกทำให้เดือดร้อน เช่นชาวราชประสงค์ หรือชาวสีลม ฯลฯ และในที่สุด การที่ทหารส่งผู้ชุมนุมกลับบ้านให้ปลอดภัยกว่า 3,600 คน ก็พิสูจน์ว่า ทหารเป็นของประชาชน ไม่มีการ “สั่งฆ่าประชาชน” อย่างที่กล่าวหา
วิกฤตน้ำท่วมทั่วไปได้กลายเป็นโอกาสพิสูจน์ รัฐบาล ทหาร สื่อมวลชน เอกชนได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา ป้องกันปัญหา เยียวยาหลังปัญหา เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเป็นพี่น้องไทย ที่รักกัน ไม่มีวันทอดทิ้งกัน ไม่มีสี ไม่มีฝ่าย ไม่มีนาย ไม่มีไพร่ ลดปัญหาความขัดแย้งแตกแยกในสังคม
4. “แก้ไข ไม่แก้แค้น” และ คนไทยที่อยู่ไกล เริ่ม “ขอโทษ-ให้อภัย” ล้วนเป็นคุณธรรมที่ดี ตามแนวทางพระคัมภีร์ทั้งสิ้น มนุษย์ไม่พึงคิดแค้น และไม่พึงแก้แค้น พระเยซูสอนไม่ให้ใช้วิธี “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” การแก้ไขย่อมดีกว่า และหลักสำคัญคือ การแก้ไขตนเอง ทำให้ตัวเราเองถูกต้อง ชอบธรรมดีขึ้น จริงแล้ว การที่มีการสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ เมื่อวันที่ 17 มิถนายนนี้ โดยรอยเตอร์รายงานว่า
Thaksin said he has $1 billion of his wealth remaining, having had $1.4 billion confiscated last year by a Thai court, which ruled it had been amassed illegally while in office. "I don't have much money left," he said. "The government stole my money.”
มองมุมหนึ่ง การที่เงินกลับไปรวมที่ “he” คือ พ.ต.ท. ทักษิณ เท่ากับท่านยอมรับคำพิพากษาศาล ที่ชี้ชัดแล้วว่า ผู้ถูกกล่าวหา และ ผู้คัดค้าน ให้การเท็จว่าเป็นการรับโอนหุ้นจริง แต่ที่แท้จริง เป็นเพียงโนมินีถือหุ้นแทน เมื่อศาลคืนเงิน จึงกลับไปที่เจ้าของตัวจริง มิเช่นนั้น หากผู้คัดค้านเป็นเจ้าของจริงตามให้การ 30,000 ล้านบาทที่ศาลเมตตาคืนให้ โดยประมาณควรได้คืน คุณ พานทองแท้ 9 พันล้านบาท คุณ พินทองทา (จะแต่งงานปลายปี) 1.2 หมื่นล้านบาท คุณ บรรณพจน์ 8 พันล้านบาท และ คุณ ยิ่งลักษณ์ 400 ล้านบาท ในเมื่อเปิดเผยชัดเจนว่า เงินกลับไปถึง พ.ต.ท. ทักษิณ เจ้าของแท้จริงแล้ว ก็ควรจะถือว่าศาลพิพากษาโดยชอบ ไม่ควรมีใครกล่าวหาว่ารัฐบาลไทยขโมยเงินไปกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อไป
ในสายตาของผม การ “ขอโทษ” และ “ให้อภัย” เป็นคุณธรรมยิ่งใหญ่ควรสนับสนุน จึงเป็นการดีที่จะมีการขอโทษที่ได้ทำผิดไปแล้ว ซุกหุ้นไปแล้ว และจะไม่ทำอีก และขอโทษที่กล่าวร้ายต่อประเทศไทย ทุกฝ่ายให้อภัยกัน สำนึกผิด และกลับใจเดินหน้าในทางชอบธรรม ทุกคนให้กำลังใจกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน บ้านเมืองก็จะก้าวหน้าก้าวไกลครับ
ทุกเสียงมีความหมาย ในการเลือกผู้นำ อย่าเสียคะแนนทิ้งเปล่า แม้ไม่มีพรรคที่ดีสมบูรณ์ แต่เหมือนข้อสอบปรนัย (ข้อเลือก) ก็ควรจะเลือกพรรคที่เราเห็นว่าดีที่สุดก็ได้ทำหน้าที่พลเมืองไทยที่ดีแล้วครับ
การลงคะแนนเสียงโหวด NO ย่อมเป็นสิทธิ์ แต่ใช้ได้ผลตอนบอยคอตการเลือกตั้ง แต่ขณะนี้ ทุกเสียงมีความหมายต่อการแข่งขัน ไม่ว่าในสายตาของท่าน ใครธรรมะ ใครอธรรม แต่…
...เสียงธรรมะแตก...อธรรมจะครองเมือง ครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com)
ผมเป็นคริสเตียน ผมทราบว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จึงได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” พระองค์ทรงมาช่วยโลก ด้วยการมาไถ่บาป และให้อภัย เพื่อนำให้มนุษย์ เรียนรู้ที่จะกลับใจใหม่ และเลือกทางสว่างต่อไปในอนาคต
ผมคิดว่าคงเป็นความสร้างสรรค์ ที่ผมจะเขียนบทความสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้ง เพื่อกระตุ้นแสงสว่างขึ้นในสังคม ผมคิดว่า ในระยะนี้ มีข้อมูลดีๆที่อาจจะทำให้เราชื่นใจ และข้อมูลสำหรับการแก้ไข เพื่อปรับปรุงให้ทุกอย่างดีขึ้นหลายประการ ดังนี้
1. รัฐบาลอภิสิทธิ์ “พูดเก่ง”...แล้วก็เห็น. “ทำได้ดี” ด้วยเมื่อโลกต้องเผชิญวิกฤตการเงินที่สุดในรอบกว่า 50-60 ปี จากที่นักวิชาการบางพรรคบอกว่า “ไทยจะแย่ที่สุดในโลก” แต่เรากลับมียอดคนว่างงานต่ำกว่า 1% สหรัฐฯ - ยุโรป ประมาณ 9% หนี้ภาครัฐของเราต่ำว่า 40% แล้ว แต่ที่สหรัฐเป็นยอดสูงถึง 93% และในยุโรปหลายแห่งเกิน 100% เมื่อเศรษฐกิจดีแล้ว รัฐบาลก็ควรมีวินัยลดหนี้ลงเช่นนี้ก็ดีแล้ว
ข่าวดีคือ จากการจัดอันดับของโลก ตามกองทุนสำรองระหว่างประเทศ ไทยเรามีทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย เมื่อเดือน เมษายน 2011 ที่ผ่านมา ที่ประมาณ 190,000 ล้านเหรียญ สูงสุดในประวัติศาสตร์ไทย เทียบกับยุคตกต่ำสุดในปี 2540 ในรัฐบาลบิ๊กจิ๋ว ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ เข้าไปช่วยเป็นรองนายกประมาณ 2 เดือนสุดท้าย ทุนสำรองเหลือสุทธิเพียงประมาณ 7,000 ล้านเหรียญเท่านั้น !!
2. ปัญหา “ของแพง” ก็ด้วยความจริงที่ว่า “ของแพงทั่วโลก” ราคาน้ำมันในตลาดโลกเปลี่ยนไปแล้ว จาก 40-50 เหรียญต่อบาเรลในอดีต มาเป็นกว่า 100 เหรียญ ราคาพืชเกษตรเพิ่มขึ้นมากถ้วนหน้าทั่วโลก เพราะบางส่วนจะเป็นพลังงานทดแทน อาหารสัตว์จึงมีราคาขึ้น ราคาอาหารเป็นที่รู้กันว่า ขึ้นมากทั่วโลก แต่ของไทยเราก็มีมาตรการต่างๆมาช่วย เช่นเรื่อง ควบคุมราคาก๊าซหุงต้ม น้ำมันดีเซล ฯลฯ ก็ยังรักษาอยู่ได้ที่ 4% ที่จีน 5.5 % เวียดนาม (ประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งมักใช้นโยบายช่วยให้คนมีรายได้เท่าเทียมกัน กลับอ่อนแอ ค่าเงินอ่อน) เงินเฟ้อสูงถึง 12% !!
3. คนไทยไม่มีแบ่งชนชั้น ทหารไทยไม่ใช่ศัตรูประชาชน แผลหนึ่งในสังคม คือการสร้างอารมณ์ “ไพร่-อำมาตย์” ผมก็เป็นระดับไพร่ คนส่วนใหญ่ก็เป็นระดับไพร่ พ่อผมซื้อของไปขายตามจังหวัดต่างๆ แม่ผมเช่าร้านขายของ แม้พ่อเสียไป แม่ก็ต้องดูแลลูกๆ 5 คนให้เรียนให้จบอย่างเข้มแข็ง สังคมไทยนี้ดี ชนชั้น “ไพร่” ก็ได้โอกาสเสมอ ไม่ถูกดูถูก ไม่ถูกเหยียดหยาม ไม่ถูกเอาเปรียบ ทุกคนมีโอกาสเติบโตในแผ่นดินไทยอย่างเท่าเทียมกัน
เจ้าหน้าที่รัฐย่อมไม่ต้องการเผชิญหน้าประชาชน เพียงเมื่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องต้องถูกทำให้เดือดร้อน เช่นชาวราชประสงค์ หรือชาวสีลม ฯลฯ และในที่สุด การที่ทหารส่งผู้ชุมนุมกลับบ้านให้ปลอดภัยกว่า 3,600 คน ก็พิสูจน์ว่า ทหารเป็นของประชาชน ไม่มีการ “สั่งฆ่าประชาชน” อย่างที่กล่าวหา
วิกฤตน้ำท่วมทั่วไปได้กลายเป็นโอกาสพิสูจน์ รัฐบาล ทหาร สื่อมวลชน เอกชนได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา ป้องกันปัญหา เยียวยาหลังปัญหา เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเป็นพี่น้องไทย ที่รักกัน ไม่มีวันทอดทิ้งกัน ไม่มีสี ไม่มีฝ่าย ไม่มีนาย ไม่มีไพร่ ลดปัญหาความขัดแย้งแตกแยกในสังคม
4. “แก้ไข ไม่แก้แค้น” และ คนไทยที่อยู่ไกล เริ่ม “ขอโทษ-ให้อภัย” ล้วนเป็นคุณธรรมที่ดี ตามแนวทางพระคัมภีร์ทั้งสิ้น มนุษย์ไม่พึงคิดแค้น และไม่พึงแก้แค้น พระเยซูสอนไม่ให้ใช้วิธี “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” การแก้ไขย่อมดีกว่า และหลักสำคัญคือ การแก้ไขตนเอง ทำให้ตัวเราเองถูกต้อง ชอบธรรมดีขึ้น จริงแล้ว การที่มีการสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ เมื่อวันที่ 17 มิถนายนนี้ โดยรอยเตอร์รายงานว่า
Thaksin said he has $1 billion of his wealth remaining, having had $1.4 billion confiscated last year by a Thai court, which ruled it had been amassed illegally while in office. "I don't have much money left," he said. "The government stole my money.”
มองมุมหนึ่ง การที่เงินกลับไปรวมที่ “he” คือ พ.ต.ท. ทักษิณ เท่ากับท่านยอมรับคำพิพากษาศาล ที่ชี้ชัดแล้วว่า ผู้ถูกกล่าวหา และ ผู้คัดค้าน ให้การเท็จว่าเป็นการรับโอนหุ้นจริง แต่ที่แท้จริง เป็นเพียงโนมินีถือหุ้นแทน เมื่อศาลคืนเงิน จึงกลับไปที่เจ้าของตัวจริง มิเช่นนั้น หากผู้คัดค้านเป็นเจ้าของจริงตามให้การ 30,000 ล้านบาทที่ศาลเมตตาคืนให้ โดยประมาณควรได้คืน คุณ พานทองแท้ 9 พันล้านบาท คุณ พินทองทา (จะแต่งงานปลายปี) 1.2 หมื่นล้านบาท คุณ บรรณพจน์ 8 พันล้านบาท และ คุณ ยิ่งลักษณ์ 400 ล้านบาท ในเมื่อเปิดเผยชัดเจนว่า เงินกลับไปถึง พ.ต.ท. ทักษิณ เจ้าของแท้จริงแล้ว ก็ควรจะถือว่าศาลพิพากษาโดยชอบ ไม่ควรมีใครกล่าวหาว่ารัฐบาลไทยขโมยเงินไปกว่า 4 หมื่นล้านบาทต่อไป
ในสายตาของผม การ “ขอโทษ” และ “ให้อภัย” เป็นคุณธรรมยิ่งใหญ่ควรสนับสนุน จึงเป็นการดีที่จะมีการขอโทษที่ได้ทำผิดไปแล้ว ซุกหุ้นไปแล้ว และจะไม่ทำอีก และขอโทษที่กล่าวร้ายต่อประเทศไทย ทุกฝ่ายให้อภัยกัน สำนึกผิด และกลับใจเดินหน้าในทางชอบธรรม ทุกคนให้กำลังใจกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน บ้านเมืองก็จะก้าวหน้าก้าวไกลครับ
ทุกเสียงมีความหมาย ในการเลือกผู้นำ อย่าเสียคะแนนทิ้งเปล่า แม้ไม่มีพรรคที่ดีสมบูรณ์ แต่เหมือนข้อสอบปรนัย (ข้อเลือก) ก็ควรจะเลือกพรรคที่เราเห็นว่าดีที่สุดก็ได้ทำหน้าที่พลเมืองไทยที่ดีแล้วครับ
การลงคะแนนเสียงโหวด NO ย่อมเป็นสิทธิ์ แต่ใช้ได้ผลตอนบอยคอตการเลือกตั้ง แต่ขณะนี้ ทุกเสียงมีความหมายต่อการแข่งขัน ไม่ว่าในสายตาของท่าน ใครธรรมะ ใครอธรรม แต่…
...เสียงธรรมะแตก...อธรรมจะครองเมือง ครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com)