บลจ. บัวหลวง โชว์ผลงานกองหุ้น พร้อม LTF และ RMF โดดเด่น 5 เดือนแรกให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับ 1 เผยผู้จัดการกองทุนเน้นเลงทุนหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มบริการทางการเงิน เหตุเล็งเห็นการเจริญเติบโตสามารถทำกำไรได้
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า จากข้อมูลของ LIPPER สรุปผลงาน 5 เดือนแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2554 กองทุนหุ้นของ บลจ. บัวหลวง รวมทั้ง LTF และ RMF ที่เป็นกองทุนหุ้นมีความโดดเด่นมากเป็นอันดับ 1 ทั้ง 3 ประเภทที่ได้ผลตอบแทนสูงสุด ชนะทั้งค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และชนะผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นเบ็นซ์มาร์กของกองทุนหุ้น นอกจากนี้กองทุน RMF ที่เป็นกองผสมของบัวหลวงก็เป็นอันดับ 1
โดยความสำเร็จจากผลตอบแทนที่โดดเด่นมาจากทีมจัดการลงทุนของ บลจ.บัวหลวง ที่คัดสรรหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีความสามารถในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ มีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาด และต้องเป็นหุ้นที่ทำให้ทีมจัดการกองทุนมั่นใจสูงที่จะถือลงทุน ซึ่งใน 2 ปีที่ผ่านมานี้ บลจ. บัวหลวง เริ่มให้ความสำคัญกับกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ เพราะมีความเชื่อในพัฒนาการของความเป็นสังคมเมือง คือเมืองจะขยายตัวเพราะเศรษฐกิจขยาย หุ้นต่างๆ ในหมวดที่เกี่ยวข้องน่าจะได้รับผลดี
“ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้เราให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มค้าปลีกมากกว่าปกติในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นอุตสาหกรรรมที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโตและยังมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ แม้ว่าโมเดลธุรกิจประเภทนี้ไม่หวือหวาและไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ก็ต้องอาศัยเวลา และเมื่อเวลาผ่านไปก็ได้เห็นพัฒนาการด้านความเป็นสังคมเมืองมากขึ้นและชัดเจนขึ้นตามลำดับ เราจึงได้ผลพวงจากการลงทุนตามที่เราเชื่อมั่น การลงทุนต้องมีความอดทนในการถือครอง เพราะตลาดโดยรวมจะค่อยๆ รับรู้ในสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะกรณีที่ไม่ใช่หุ้นที่อยู่ในสายตาผู้ลงทุนอยู่เสมอ” นางวรวรรณ กล่าว
นอกจากนี้ ทีมจัดการกองทุนของ บลจ. บัวหลวง ยังให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มบริการทางการเงินซึ่งมีการเติบโตมากกว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคก็สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการทางการเงินได้ง่ายกว่าในอดีตมาก และเราเชื่อมั่นว่าการเติบโตยังไปได้ดีและต่อเนื่องต่อไปในอนาคต
นางวรวรรณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดทุนมีความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ เช่น ปัญหา EU Debt Crisis วิกฤตทางการเมืองในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ภัยพิบัติทางธรรมชาติในญี่ปุ่นและประเทศที่ส่งออกอาหาร รวมถึงภัยแล้งในประเทศจีนนั้น นอกจากนี้แล้วในภาวะแบบนี้ เราได้ลดความเสี่ยงจากการลงทุนให้มากที่สุดด้วยการหลีกเลี่ยงหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกประเทศ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า จากข้อมูลของ LIPPER สรุปผลงาน 5 เดือนแรก สิ้นสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2554 กองทุนหุ้นของ บลจ. บัวหลวง รวมทั้ง LTF และ RMF ที่เป็นกองทุนหุ้นมีความโดดเด่นมากเป็นอันดับ 1 ทั้ง 3 ประเภทที่ได้ผลตอบแทนสูงสุด ชนะทั้งค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม และชนะผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นเบ็นซ์มาร์กของกองทุนหุ้น นอกจากนี้กองทุน RMF ที่เป็นกองผสมของบัวหลวงก็เป็นอันดับ 1
โดยความสำเร็จจากผลตอบแทนที่โดดเด่นมาจากทีมจัดการลงทุนของ บลจ.บัวหลวง ที่คัดสรรหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีความสามารถในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ มีอัตราการเติบโตมากกว่าตลาด และต้องเป็นหุ้นที่ทำให้ทีมจัดการกองทุนมั่นใจสูงที่จะถือลงทุน ซึ่งใน 2 ปีที่ผ่านมานี้ บลจ. บัวหลวง เริ่มให้ความสำคัญกับกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ เพราะมีความเชื่อในพัฒนาการของความเป็นสังคมเมือง คือเมืองจะขยายตัวเพราะเศรษฐกิจขยาย หุ้นต่างๆ ในหมวดที่เกี่ยวข้องน่าจะได้รับผลดี
“ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้เราให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มค้าปลีกมากกว่าปกติในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นอุตสาหกรรรมที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโตและยังมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ แม้ว่าโมเดลธุรกิจประเภทนี้ไม่หวือหวาและไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ก็ต้องอาศัยเวลา และเมื่อเวลาผ่านไปก็ได้เห็นพัฒนาการด้านความเป็นสังคมเมืองมากขึ้นและชัดเจนขึ้นตามลำดับ เราจึงได้ผลพวงจากการลงทุนตามที่เราเชื่อมั่น การลงทุนต้องมีความอดทนในการถือครอง เพราะตลาดโดยรวมจะค่อยๆ รับรู้ในสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะกรณีที่ไม่ใช่หุ้นที่อยู่ในสายตาผู้ลงทุนอยู่เสมอ” นางวรวรรณ กล่าว
นอกจากนี้ ทีมจัดการกองทุนของ บลจ. บัวหลวง ยังให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกลุ่มบริการทางการเงินซึ่งมีการเติบโตมากกว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคก็สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการทางการเงินได้ง่ายกว่าในอดีตมาก และเราเชื่อมั่นว่าการเติบโตยังไปได้ดีและต่อเนื่องต่อไปในอนาคต
นางวรวรรณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดทุนมีความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ เช่น ปัญหา EU Debt Crisis วิกฤตทางการเมืองในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ภัยพิบัติทางธรรมชาติในญี่ปุ่นและประเทศที่ส่งออกอาหาร รวมถึงภัยแล้งในประเทศจีนนั้น นอกจากนี้แล้วในภาวะแบบนี้ เราได้ลดความเสี่ยงจากการลงทุนให้มากที่สุดด้วยการหลีกเลี่ยงหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกประเทศ
