xs
xsm
sm
md
lg

นักลงทุนแห่ซื้อกองChinaTrigger บลจ.บัวหลวงปลื้มปิดยอด850ลบ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.บัวหลวง ปลื้มยอดจองซื้อกองทุน "บัวหลวงไชน่าทริกเกอร์ 15%" ล้นหลังเปิดขายไอพีโอแค่เพียงครึ่งวัน ระดมทุนได้ 850 ล้านบาทเต็มเพดาน เชื่อนักลงทุนมั่นใจเศรษฐกิจจีนโตต่อเนื่อง คาดปีนี้จีดีพีขยายตัวเพิ่ม 9.8%

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า การเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดบัวหลวงไชน่าทริกเกอร์ 15% (ChinaTrigger) ได้รับความสนใจจองซื้อหน่วยลงทุนจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ต้องแจ้งปิดการเสนอขายภายในครึ่งวันของวันเสนอขายวันแรก โดยระดมเงินลงทุนได้ 850 ล้านบาทเต็มเพดานที่จะระดมทุนได้ และ บลจ. บัวหลวง ต้องขออภัยที่ขนาดกองทุนที่เสนอขายครั้งนี้มีจำกัดจนไม่สามารถรองรับความต้องการของนักลงทุนที่มีจำนวนมาก แต่จะยังไม่ออกกองใหม่ในเร็ววันนี้แม้จะมีลูกค้าหลายรายที่ต้องการลงทุน แต่หากมีช่องทางลงทุนและเห็นจังหวะการลงทุนที่ดีก็จะพิจารณาออกกองทุนประเภทนี้อีกได้ในอนาคต

ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะข้าไปลงทุนในกองทุนรวม ETF ของ iShares ที่อ้างอิงดัชนี China Securities Index 300 (CSI-300) หรือดัชนีรายภาคอุตสาหกรรมของดัชนี CSI-300 เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มการเงิน และกลุ่มวัตถุดิบอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยผู้จัดการกองทุนจะวิเคราะห์และหาโอกาสเลือกลงทุนในอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้ได้ตามเป้าหมาย 15% ภายใน 18 เดือน

ทางด้านนายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการกองทุน บลจ. บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน หรือจีดีพี มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจีดีพีเฉลี่ยระหว่างปี 2532 ถึงปี 2553 อยู่ที่ระดับร้อยละ 9.3 ต่อปี การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ผ่านมาเกิดจากแรงผลักดันของการส่งออก โดยในช่วงระหว่างปี 2543 ถึงปี 2551 ปริมาณการส่งออกของประเทศจีนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 20.5 ขณะที่ภาครัฐเองก็มีการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคคิดเป็นเม็ดเงินสูงถึงประมาณร้อยละ 40 ของจีดีพีปัจจัยข้างต้นผลักดันให้รายได้ประชาชาติต่อหัวของคนจีนในช่วงระหว่างปี 2537 - 2552 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 14

ทั้งนี้ จีนจะเริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12 ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมซึ่งจากเดิมกระจุกตัวอยู่บริเวณเมืองท่าชายฝั่งเข้าสู่ภาคตะวันตกและภาคกลางของประเทศ ผลจากแผนดังกล่าวจะทำให้เกิดการขยายตัวของเขตเมืองเพิ่มขึ้น และส่งเสริมให้เกิดการกระจายรายได้ อันนำมาสู่พลังการบริโภคที่เพิ่มขึ้น และจะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีน โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจีดีพีของประเทศจีนในปี 2554 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 9.80 ปี 2555 อยู่ที่ร้อยละ 9.50

"ปัจจุบันน่าจะเป็นจังหวะการเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีน เนื่องจากดัชนีหลักทรัพย์ของประเทศจีน รับรู้ปัจจัยลบจากมาตรการคุมเข้มราคาอสังหาริมทรัพย์ และมาตรการทางการเงินในการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันค่าพีอี จากการคำนวณ ณ วันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 15.01 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยซึ่งคำนวณระหว่างวันที่ 13 เมษายน 2549 - 12 เมษายน 2554 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 20.55 เท่า โดยในช่วงเวลาเดียวกันค่าพีอี ต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 10.89 เท่า และสูงสุดอยู่ที่ระดับ 43.18 เท่า" นายพีรพงศ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น