ฟันธงปีหน้ากองทุนแข่งขันสูง บลจ.ขนาดใหญ่กอดมาร์เก็ตแชร์แน่น

อุตสาหกรรมกองทุนรวมปีนี้ยังเติบโตใกล้เคียงปีที่แล้ว "นายกสมาคม" ชี้ ในปีหน้ายังมีการแข่งขันที่สูงแต่ยังคงเติบโตได้จากปัจจัยเรื่องการลดการคุ้มครองเงินฝาก และการรักษาส่วนแบ่งตลาดของ บลจ.ขนาดใหญ่

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด และนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (สมาคม บลจ.) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมกองทุนรวมในปี 2553 ที่ผ่านมาเติบโตอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท ล่าสุดปีนี้จนถึงกลางเดือนธันวาคม ก็มีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านล้าน ลดลงไปประมาณ 3 หมื่นล้านบาทหรือคิดเป็น 1.6% อาจจะเพิ่มขึ้นอีกบ้างเล็กน้อย โดยอุตสาหกรรมในปีนี้ที่ไม่เติบโตขึ้นมากเพราะมีเงินลงทุนจากพันธบัตรเกาหลีครบอายุกลับมาและมีการแข่งขันการมากขึ้นระหว่างธุรกอิจกองทุนรวม เงินฝากธนาคารและประกันชีวิต

ส่วนแนวโน้มในปีหน้ามองว่า อุตสาหกรรมกองทุนจะมีการแข่งขันกันมากขึ้นและน่าจะมีการเติบโตใน 2 ลักษณะคือ จะมีการเติบโตขึ้นจากการรักษาส่วนแบ่งในตลาดและเพิ่มขึ้นของเม็ดเงินโดยการดึงลูกค้าจากธนาคารและคู่แข่ง และอีกส่วนคือการเติบโตของกลุ่มที่ไม่เน้นในเรื่องการแข่งขันของขนาดกองทุนแต่เน้นไปที่การเติบโตของโปรดักส์เป็นหลัก ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็จะมีการแข่งขันการมากขึ้น ทั้งนี้มองว่าในปีหน้าเม็ดเงินในระบบที่มากจะทำให้มีการแข่งขันกันมากขึ้นจึงมีแนวโน้มเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมกองทุนรวมจะมีขนาดเล็กลง แต่อย่างไรก็ตามอยากให้อุตสากรรมกองทุนรวมเป็นไปในลักษณะของการลงทุนที่แท้จริง ไม่อยากให้ใช้การแข่งขันด้วยการแจกโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาซื้อกองทุนรวม แต่ก็ไม่ได้เป็นการขัดขวางวีธีทางการตลาดแต่อย่างใด

ทั้งนี้จากปัญหาอุทกภัยได้ส่งผลต่อบรรยากาสการลงทุนในธุรกิจกองทุนรวมทำให้การลงทุนหายไปในทุกด้าน โดยผู้ลงทุนจำนวยนมากเลือกถือเงินสด รวมถึงเลือกลงทุนในสินทรัพย์ทื่ปลอดภัยแลัมีสภาพคล่องและส่วนหนึ่งไม่ลงทุนเพิ่มแต่เลือกสำรองไว้ซ่อมแซมความเสียหายจากน้ำท่วมที่พักอาศัย แต่ในปี 2555 จะเกิดการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการลงทุนในกองทุนหุ้น LTF -RMF ที่น่าจะฟื้นกลับมาเป็นปกติได้ แต่ก็คงไปเน้นในช่วงปลายปี แต่อย่างไรก็ตามอยากให้นักลงทุนได้ ลงทุนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนเพราะจะส่งผลดีต่อตนเองมากกว่า

ขณะที่ นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ในปีหน้าอุตสาหกรรมกองทุนรวมไม่น่าจะมีการหดตัวลงเพราะจะมีเงินไหลเข้าไปลงทุนในทางใดทางหนึ่งจากปัจจัยในเรื่องของ พรบ.คุ้มครองเงินฝาก ที่จะลดลงอีกในปีหน้าดังนั้นหากทางแบงก์ต่างๆไม่ดึงเงินฝากไปมากอุตสาหกรรมน่าจะมีการเติบโตอยู่ โดยโอกาสของธุรกิจกองทุนรวมในปีหน้าจึงยังคล้ายไกับในปีนี้ แต่เพิ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานมาเป็นโอกาส

สำหรับกองทุนในปีนี้ ณ วันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมาพบว่ากองทุน LTF มีขนาดอยู่ที่ 81,937 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2,652 ล้านบาทหรือคิดเป็น 3.3% ขณะที่กองทุน RMF มีขนาดอยู่ที่ 127,403 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 2,179 ล้านบาทหรือคิดเป็น -1.7% ขณะที่กองทุน FIF มีขนาดอยู่ที่ 310,523 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 118,594 ล้านบาทหรือคิดเป็น -27.6%