บลจ. บัวหลวง ชี้ปัญหาสหรัฐฯ ไม่กระทบลงทุนในไทยยังแจ่มต่างชาติเริ่มทะยอยเพียบ ด้านส่งออกกระจายตัวดี หลังจัดตั้งครม.ใหม่ได้ผู้นำเศรษฐกิจสร้าวความเชื่อมั่นต่อ ขณะที่ลงทุนในหุ้นควรใช้เวลาระยะยาวสร้างผลตอบแทนเยี่ยม
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาของสหรัฐฯ ณ ขณะนี้ เงินสหรัฐยังมีสภาพคล่องล้นเหลือ เพราะรัฐเองอัดฉีดเงินลงไปแล้วแต่ธนาคารยังไม่ปล่อยกู้ ส่งผลให้เงินในตลาดเกิดใหม่ดูดีขึ้นแทน
ขณะเดียวกัน ในเมื่อประเทศตะวันตกเช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ยังไม่พ้นจากปัญหาที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจและหนี้สิน เงินจึงต้องไหลไปในที่ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เสี่ยงน้อยกว่าด้วย
ทั้งนี้เอเชียมีแนวโน้มการบริโภคจับจ่ายใช้สอยที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ นักทุนเลยสนใจเอเชีย ขณะที่ประเทศไทยเองมีเศรษฐกิจที่มีศักยภาพการบริโภคได้ดีอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นต่างชาติจึงสนใจและมองประเทศไทยยาวขึ้น และจะทยอยเข้ามามากขึ้น ถ้าเราตั้ง ครม.ใหม่ได้โดยเป็นคนที่น่าเชื่อถือโดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจ และหากรัฐบาลใหม่ดำเนินนโยบายได้น่าเชื่อถือ ก็จะไม่ส่งผลแง่ลบต่อเศรษฐกิจ
นางวรวรรณ กล่าวต่อไปว่า การส่งออกของไทยมีการกระจายตัวดีขึ้น หากสหรัฐกับยุโรปแย่ เราก็ยังเลี้ยงตัวได้ เพราะเรามีการค้าขายกับพวกกันเองและในตลาดอื่นๆ ปัญหาภายในประเทศโดยรวมก็น้อย การทะเลาะเบาะแว้งทางการเมืองก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนไทย และไม่มีอะไรตื่นเต้น
"การลงทุนในหุ้นไทยจึงดีกว่าหากมองระยะยาวแต่การเก็งกำไรสั้นๆ จะทำได้ยาก เพราะระดับ PE ปี 2008 ที่มีวิกฤติ Sub Prime อยู่ที่ 6-7 เท่า เท่านั้น แต่ตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 13-14 เท่า การหาจังหวะทำกำไรจะยากขึ้น" นางวรวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ หากมองว่าทั้งโลกแย่แล้ว ลงทุนหุ้นก็เสี่ยงสูงไปในภาวะที่ไม่แน่นอน ส่วนลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไม่ว่าประเทศไหนก็เสี่ยงว่าเขาจะไม่คืนหนี้พันธบัตรที่เราไปลงทุน คิดแบบนี้เงินก็จะไหลไปอยู่ในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยที่สุดในภาวะการณ์แบบนั้น ขณะที่ทองคำซึ่งถือเป็น Safe Heaven จึงทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ (New High) ให้เห็นตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงควรจะกระจายการลงทุนไปในหลาย ๆ สินทรัพย์ และควรมีทองคำเอาไว้บ้างในพอร์ตการลงทุนของเรา
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ปัญหาของสหรัฐฯ ณ ขณะนี้ เงินสหรัฐยังมีสภาพคล่องล้นเหลือ เพราะรัฐเองอัดฉีดเงินลงไปแล้วแต่ธนาคารยังไม่ปล่อยกู้ ส่งผลให้เงินในตลาดเกิดใหม่ดูดีขึ้นแทน
ขณะเดียวกัน ในเมื่อประเทศตะวันตกเช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ยังไม่พ้นจากปัญหาที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจและหนี้สิน เงินจึงต้องไหลไปในที่ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เสี่ยงน้อยกว่าด้วย
ทั้งนี้เอเชียมีแนวโน้มการบริโภคจับจ่ายใช้สอยที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ นักทุนเลยสนใจเอเชีย ขณะที่ประเทศไทยเองมีเศรษฐกิจที่มีศักยภาพการบริโภคได้ดีอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นต่างชาติจึงสนใจและมองประเทศไทยยาวขึ้น และจะทยอยเข้ามามากขึ้น ถ้าเราตั้ง ครม.ใหม่ได้โดยเป็นคนที่น่าเชื่อถือโดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจ และหากรัฐบาลใหม่ดำเนินนโยบายได้น่าเชื่อถือ ก็จะไม่ส่งผลแง่ลบต่อเศรษฐกิจ
นางวรวรรณ กล่าวต่อไปว่า การส่งออกของไทยมีการกระจายตัวดีขึ้น หากสหรัฐกับยุโรปแย่ เราก็ยังเลี้ยงตัวได้ เพราะเรามีการค้าขายกับพวกกันเองและในตลาดอื่นๆ ปัญหาภายในประเทศโดยรวมก็น้อย การทะเลาะเบาะแว้งทางการเมืองก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนไทย และไม่มีอะไรตื่นเต้น
"การลงทุนในหุ้นไทยจึงดีกว่าหากมองระยะยาวแต่การเก็งกำไรสั้นๆ จะทำได้ยาก เพราะระดับ PE ปี 2008 ที่มีวิกฤติ Sub Prime อยู่ที่ 6-7 เท่า เท่านั้น แต่ตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 13-14 เท่า การหาจังหวะทำกำไรจะยากขึ้น" นางวรวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ หากมองว่าทั้งโลกแย่แล้ว ลงทุนหุ้นก็เสี่ยงสูงไปในภาวะที่ไม่แน่นอน ส่วนลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไม่ว่าประเทศไหนก็เสี่ยงว่าเขาจะไม่คืนหนี้พันธบัตรที่เราไปลงทุน คิดแบบนี้เงินก็จะไหลไปอยู่ในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยที่สุดในภาวะการณ์แบบนั้น ขณะที่ทองคำซึ่งถือเป็น Safe Heaven จึงทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ (New High) ให้เห็นตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงควรจะกระจายการลงทุนไปในหลาย ๆ สินทรัพย์ และควรมีทองคำเอาไว้บ้างในพอร์ตการลงทุนของเรา
