บลจ.กรุงไทย มองนักลงทุนยังชอบกองทุนพันธบัตรระยะสั้น 3 เดือน 6 เดือน หลังอัตราดอกเบี้ยR/P ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น คาดสิ้นปีเห็นดอกเบี้ยแตะ 3.25% ขณะที่กองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ทยอยครบอายุในไตรมาส 1 ประมาณ 20,000 ล้านบาทก็ไหลเข้ามาในบอนด์สั้นเช่นกัน พร้อมเพิ่มทางเลือกหามิกส์บอนด์ให้นักลงทุนหากบอนด์สั้นให้ผลตอบแทนไม่เข้าตา
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ทีทยอยครบอายุในไตรมาสที่ 1 ประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งเราคาดว่าทั้งปีนี้จะมีเม็ดเงินจากกองทุนดังกล่าวไหลกลับเข้ามาประมาณ 28,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามเงินที่กองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ที่ทยอยครบอายุนั้น จะกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนพันธบัตรทั้งไทยและต่างประเทศ หรือกองทุนมิกส์บอนด์แทน ซึ่งทางบลจ.กรุงไทยก็จะมีการออกกองทุนตราสารหนี้ใหม่ หรืกองทุนตราสารหนี้แบบโรโอเวอร์ 3 เดือน 6 เดือน ไม่เกิน 1ปี ออกมารองรับความต้องการของนักลงทุน สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เราประเมินว่า ดอกเบี้ยจะจบที่ 3.25% ต่อปี ทำให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน
ทั้งนี้ทางบลจ.กรุงไทยกำลังดูอยู่ว่าหากพันธบัตรเกาหลีใต้ กลับมาให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เราก็อาจจะมีการจัดตั้งกองทุนประเภทนี้อีกและเชื่อว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอีกด้วย อย่างไรก็ตามทางบลจ.กรุงไทยเองได้มีการทำกองทุนพันธบัตรแบบผสม หรือมิกส์บอนด์ ออกมาให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนเช่นกันหากผลตอบแทนพันธบัตรไทยไม่น่าใจสนใจ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลากหลายประเภทเช่น ลงทุนในพันธบัตรไทยพร้อมกับนำเงินไปฝากไว้ที่ธนาคารต่างประเทศ เป็นต้น
นายสมชัย กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการออกกองทุนใหม่ในช่วงนี้เราคาดว่าจะมีกองทุน sector fund ออกมาอีก 1 กองทุนซึ่งรายละเอียดทางทีมผู้จัดการกองทุนก็กำลังศึกษากันอยู่ว่าจะเป็นกองทุนที่เข้าไปลงทุนในตลาดที่มีการรีคัฟเวอร์รี่ ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นก็จะมีที่ห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน ที่กำลังอยู่ในขึ้นตอนการขออนุญาตจากคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ขณะที่ฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย ระบุว่า แนวโน้มการลงทุนในเดือนพ.ค.2554 นี้ดัชนีมีแนวโน้มที่จะเห็นการปรับฐานได้และมีความผันผวนเพิ่มขึ้น โดยดัชนีมีกรอบการแกว่งตัวระหว่าง 1,020 -1,150 จุด ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนได้แก่ แรงขายทำกำไรหลังรับรู้ผลประกอบการไตรมาส 1-54 ของบจ. การขายทำไรหลังการประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนออกมาในระยะสั้น ติดตามแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ยังมีความวิตกต่อปัญหาการก่อการร้ายที่อาจเพิ่มขึ้นหลังนาย บิน ลาเดน เสียชีวต ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และปัญหาเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ในญี่ปุ่น รวมถึงปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ของไทยที่อาจทำให้กระทบต่อการเข้าเก็งกำไรผลประกอบการของบจ.ในไตรมาสที่ 2 และเม็ดเงินไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติชะลอลงได้ อย่างไรก็ตามเม็ดเงินที่สะพัดในช่วงเลือกตั้งจะส่งผลให้มีการเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นและการลดลงของดัชนีไม่น่ารุนแรง
ส่วนแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในเดือนพ.ค. คาดว่าทิศทางการลงทุนในตลาดตราสารหนี้โดยเฉพาะตัวที่มีอายุสั้นยังคงถูกกดันจากแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นหลัก ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุกลางๆที่มีการปรับลดลงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าเส้นอัตราผลตอบแทนมีลักษณะชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการคาดการณ์ของตลาดที่มองว่าแนวโน้มเงินเฟ้อจะสูงขึ้นในอนาคต
ประกอบกับกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะทำให้บรรยกาศการลงทุนในตลาดตราสารหนี้เป็นบวกและทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสามารถปรับลดลงต่อได้อีก
ทั้งนี้บลจ.กรุงไทย กำลังเปิดขายกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อะกริคัลเจอร์ ฟันด์ (KTAM World Agriculture Fund (KT-AGRI) ซึ่งเปิดขายไอพีโอตั้งแต่วันนี้ถึง 25 พฤษภาคม 2554 โดยกองทุนรวมหลักมีนโยบายลงทุน อย่างน้อย 70% ของกองทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่ประกอบธุรกิจด้านการเกษตร สารเคมีทางการเกษตร อุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหาร ซึ่งรวมถึงเชื้อเพลิงชีวภาพ วิทยาศาสตร์การเพาะปลูก ที่ดินทำการเกษตรและการป่าไม้ โดยทีมงานบริหารที่มีประสบการณ์เป็นที่ยอมรับอย่างสูงในระดับโลก ที่บริหารโดย BlackRock Inc.
นอกจากนี้บลจ.กรุงไทยยังเปิดขายกองทุนเปิดกรุงไทย 8 เอ็ม 8% ทริกเกอร์ ฟันด์ 3 (KT-TRIGGER 3) ตั้งแต่วันนี้ถึง 18 พฤษภาคม 2554 ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนอีกด้วย